กิจกรรมเวลาเย็นในช่วงนี้ที่ฉันจำเป็นต้องทำเป็นประจำ ได้แก่ การกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่น ก็เข้าใจได้แหละนะว่าเริ่มย่างเข้าสู่ต้นฤดูหนาว ช่วงเปลี่ยนฤดูกาล ใบไม้ก็พากันร่วงลงสู่พื้น
หากจะมองให้โรแมนติก
มันก็ดีไป แต่กับฉันที่มีหน้าที่โดยบังคับว่าต้องปัดกวาดลานหน้าบ้านแล้วนั้น
ใบไม้ที่ร่วงหล่นช่างเป็นอะไรที่สร้างความหงุดหงิดใจซะจริงเชียว
ฉันไม่เคยอ่านเรื่อง
One
Hundred Years of Solitude ผลงานของนักเขียน Gabriel
García Márquez หรอกนะ ไม่แน่ใจว่าเรื่องนี้มีเนื้อหาอย่างไร แนวไหน
แต่ฟังจากชื่อเรื่องแล้ว มันช่างสร้างแรงบันดาลใจให้หยิบยืมมาตั้งชื่อเรื่องราวของฉันในวันนี้ซะจริง
คุณเกเบรียลแกมี
100 ปีแห่งความโดดเดี่ยว (ชื่อไทยแปลชื่อนี้หรือไม่ ฉันก็ไม่รู้
อันนี้แปลสำนวนตัวเอง) ส่วนกิจกรรมกวาดใบไม้ที่ตัวฉันต้องลงมือลงแรงเป็นประจำในช่วงนี้
ขอมอบชื่อ “500 ใบแห่งความหงุดหงิด” ให้ไปด้วยความรัก
ที่ร่ายมา
เป็นเพียงการระบายความหงุดหงิดแบบตื้นเขิน หากจะมองให้ลึกกว่านี้
ให้ติสท์ซะหน่อยก็ย่อมได้
การกวาดใบไม้ที่ลานหน้าบ้านนั้น
สามารถจำแนกความเปลี่ยนแปลง ความหลากหลายของสภาพอารมณ์ได้เป็นขั้นเป็นตอนดังนี้
Stage
1:
เริ่มต้นเมื่อเราเห็นความใบไม้เกลื่อนกลาด เราจะจิ๊ปาก ส่งเสียงไม่สบอารมณ์
คร่ำครวญกับฟ้าดิน บ่นอะไรเรื่อยเปื่อยถึงความใจร้ายของเบื้องบน
ทำไม
ทำไมใบไม้ต้องพากันร่วงลงมาเยอะเยี่ยงเน้ ร่วงลงมาได้ทุกวันไม่มีเบื่อ
แต่ตรูนี่แหละสุดจะเบื่อ
Stage
2:
เมื่อเราบ่นฟ้าดินจนหนำใจแล้วแต่ไม่เกิดประโยชน์อันใด เราจะเริ่มปลง
เข้าสู่โหมดจับไม้กวาดทางมะพร้าว เดินหน้ากวาดเหล่าใบไม้ไปตามประสา
เชื่อหรือไม่
พอเราหงุดหงิดน้อยลง จดจ่ออยู่กับการเก็บกวาด สมาธิจะบังเกิด
Stage
3:
ตามประสา perfectionist แบบฉัน
พอกวาดไปนานเข้า มันจะเกิดอาการอยาก clear stage ทำแต้มสมบูรณ์
นั่นคือการกวาดให้หมด ไม่ให้เหลือร่องรอยใบไม้แม้สักใบ
Stage
4:
ธรรมชาติย่อมไม่ยอมให้ฝืนธรรมชาติ
วินาทีที่กำลังจะเริงร่าเพราะกวาดได้สะอาดเอี่ยม จวนเจียนจะสมบูรณ์ ฟรึ่มมมม
ลมพัดมาอีกระลอก ใบไม้ กิ่งไม้ ร่วงกราว
ทำไม
ทำไมฟ้าดินไม่ให้ฉันเข้าสู่ความสมบูรณ์แบบ (นึกภาพผู้หญิงเสียสติ ปล่อยไม้กวาดลงพื้น เงยหน้ามองฟ้า ยกสองมือขึ้นแล้วทำนิ้วยึกยือไปมาด้วยความคับข้องใจ) พร้อมกันนั้นก็กลับสู่ stage
1 เกิดความหงุดหงิดอีกครา
Stage
5:
มาถึงขั้นนี้ ความเหน็ดเหนื่อยจะเริ่มมาเยือน และเราจะบรรลุ
เห็นและเข้าใจในธรรมชาติ พยายามไม่โทษฟ้าดิน
ในเมื่อเบื้องบนไม่ปรารถนาให้ฉันเป็น
perfectionist
ในด้านกวาดใบไม้ งั้นคงต้องยึดหลัก wabi-sabi ในความไม่สมบูรณ์
ย่อมมีความสวยงาม ฉะนั้น บนพื้นที่มีใบไม้หลงเหลือ ก็ย่อมงดงามเช่นกัน
(มันเลี่ยนนิดๆ มั้ยนั่น)
โฮะๆๆ
นี่แหละค่ะท่านผู้อ่าน กิจกรรมยามเย็นที่ฉันต้องวนลูป ต่อสู้กับธรรมชาติและตัวเองทุกวี่วัน
หงุดหงิดมากเข้า ทำอะไรไม่ได้ ฉันก็หันเข้าโหมดปรัชญา
ปลอบใจตัวเองไปตามเรื่องตามราว
Comments
Post a Comment