Urban Lifestyle พาใจล่องลอย


แฮร่...สวัสดีทุกคน

ยังคงอยู่รอดจากสาหร่ายหมดอายุ (มั้ง) ที่กินเข้าไปเมื่อวันจันทร์ ตั้งใจว่าจะมานั่งเขียนอะไรเพ้อเจ้อไปตามเรื่องในตอนค่ำเมื่อวาน แต่พลังหมดไปซะก่อน

เมื่อวานนี้ ฉันวางแผนเอาไว้คร่าวๆ ว่าจะออกไปเดินเล่นที่ห้างใจกลางเมือง เข้าร้านหนังสือร้านโปรด เป็นการใช้เวลาในวันอังคารในแบบสบาย เย็นกายเย็นใจจากแอร์ภายในห้าง

อันที่จริง มันก็เพลินดีอยู่นะ ได้เห็นหนังสือออกใหม่ เปล่งแสงแวววาวจนเตะตาอยู่หลายเล่ม บางเล่มหน้าปกสวย ถูกใจมาก แต่พอพลิกดูราคา อืม...ได้แต่เก็บความถูกใจนั้นเอาไว้ข้างในต่อไป แล้วก็ส่งหนังสือแสนสวยเล่มดังกล่าว กลับคืนสู่ชั้นวางด้วยอาการอ้อยอิ่งเล็กน้อย (มีความอยากได้ แต่ปัจจัยไม่เอื้อ)

แม้จะต้องตัดใจจากหนังสือหลายเล่ม สุดท้ายฉันยังคงต้องแบกหนังสือใส่เป้จำนวนแปดเล่มถ้วน หนาบ้าง บางบ้าง หลังแอ่นไปเลยจ้า

เมื่อน้ำหนักหนังสือในกระเป๋าไม่เป็นใจให้เดินอย่างสบายอารมณ์ในห้างได้อีกต่อไป ฉันจึงตัดสินใจกลับบ้านดีกว่า ก็จะอยู่ต่อให้เกิดกิเลสไปเพื่ออะไรเล่า ตังค์ก็หมดแล้วด้วย

ระหว่างเดินอยู่บนชานชาลารถไฟฟ้าสถานีสยาม ผ่านผู้คนมากมายที่เดินสวนกันขวักไขว่ ให้ความรู้สึกคล้ายกลุ่มมดที่กำลังเดินต่อแถว ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ภาพของคุณน้องคนหนึ่ง พลันสะดุดตาฉันขึ้นมา

น้องผู้หญิงคนดังกล่าว ราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารอะไรสักฉบับหนึ่ง สไตล์การแต่งตัวมีความ Uniqlo ผสม H&M สัมผัสได้ถึงวิถีชีวิตชาวเมืองอย่างเห็นได้ชัด

เสื้อสีเขียวเข้ม กางเกงที่มองไม่ทันว่าสีอะไร ก็มาในโทนเข้ม เงยขึ้นมองหน้าตา เธอทาปากด้วยเฉดสีแดงเข้ม ดูเปรี้ยว เฉี่ยว กรีดตาคม เขียนคิ้วสวย ทรงผมดัดเป็นลอนเล็กน้อย ทุกสิ่งอย่างที่ประกอบเข้าด้วยกันนี้ ทำให้ฉันเผลอลืมความรีบเร่งทั้งหมดทั้งมวล เพ่งความสนใจไปที่คุณน้องผู้นี้

เฉกเช่นผู้คนในเมืองทั้งหลาย ฉันเห็นคุณน้องเดินใกล้เข้ามาด้วยสปีดรีบเร่ง สายตาของเธอมองตรงไปข้างหน้า คาดว่ากำลังมองรถไฟที่กำลังมุ่งหน้าเทียบชานชาลา พร้อมกันกับที่ขาของเธอออกวิ่ง เป็นไม่กี่วินาทีแห่งความมีสีสัน เต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่ผ่านหน้าฉันไป

เห็นความสดใส urban lifestyle ของคุณน้องแล้ว ฉันนึกอยากหันหลังกลับ เดินเข้าห้าง เพื่อไปช้อปเสื้อผ้าขึ้นมาทันที และ...แน่นอน นั่นเป็นเพียงความคิด

กลับมาสู่ความเป็นจริง คุณน้องผู้สดใส ได้เดินทางไปกับรถไฟอีกขบวนแล้ว เหลือแต่ฉัน เป้หนึ่งใบ บวกหนังสืออีกแปดเล่ม โอย...ทำไมมันหนักเยี่ยงนี้ฟระ

ฉันออกเดินอีกครั้ง เห็นรถไฟใกล้เทียบชานชาลาเข้ามาทุกที ก้าวเท้าถี่ขึ้น เพื่อไปต่อคิวเข้าแถว รอเข้าขบวนรถไฟ

อยากเดินให้ช้าลงสักนิด เพื่อจะได้สังเกตความเป็นไปรอบตัวอีกสักหน่อย หวังว่าจะได้เห็นความสดใสเหมือนเช่นคุณน้องคนที่เพิ่งพบเจอ แต่รถไฟกำลังจะมา อีกทั้งเริ่มเมื่อยช่วงบ่าไหล่ ขืนชักช้ากว่านี้ คงไม่ดีแน่

รถไฟจอด ประตูเปิด ผู้โดยสารภายในรถ พรั่งพรูออกมา ขณะที่ผู้โดยสารด้านนอก ก็รอที่จะเข้าไป เป็นความธรรมดาที่พบเจอได้ในทุกวัน

รถเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา ส่งผู้โดยสารลงไปหนึ่งสถานี รถออกอีกครั้ง

โอ๊ะโอ...บ่ายวันอังคารธรรมดา ชักจะไม่ธรรมดาซะแล้ว จะอะไรล่ะ ก็นี่มันไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านเฟร้ย แกขึ้นรถผิดขบวน รู้ตัวซะทีเซ่

โธ่! ชีวิต มนต์ขลังแห่ง urban lifestyle ของน้องสาวคนนั้น คงทำฉันสติหลุดไปชั่วคราว จนมีอาการละเมอเพ้อพกถึง Uniqlo และ H&M ที่แขวนโชว์อยู่ที่ร้าน และสติยังคงกลับมาไม่เต็มที่ เลยออกเดินสะเปะสะปะ ผิดที่ผิดทาง ขึ้นรถผิดขบวน (เออหนอ มนุษย์แบบนี้ก็มีด้วย เฟอะฟะเอง แต่ไปกล่าวโทษเสื้อผ้าแฟชั่น)

ชีวิตหลังจากนั้นน่ะเหรอ แหม...ไม่อยากจะพูด (ที่จริงคืออาย) รีบโกยจากขบวนรถคันเดิม ลงบันได ข้ามฝั่งเพื่อไปจับรถไฟอีกสาย

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำด้วยความเร่งรีบ ตาลีตาเหลือก และเมื่อยแขน ขา บ่า ไหล่ยิ่งนัก

นี่แหละ urban lifestyle ที่แท้ทรูในแบบของตรู

Source

Comments