มาแล้วจ้า เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการเล่าประสบการณ์การไปงานมหกรรมนิยายในวันเสาร์ที่เพิ่งผ่านมา ฮะฮ่า ไปตั้งแต่วันแรกที่เปิดงานเลย
สำหรับงานครั้งนี้ มีชื่อเต็มว่า มหกรรมนิยายนานาชาติ ครั้งที่ 1 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-17 พฤศจิกายน 2562 ณ สามย่านมิตรทาวน์ นี่เพิ่งเข้าสู่วันที่สามของการจัดงาน เพราะฉะนั้น สาวกนิยายที่ต้องการหาซื้อหนังสือออกใหม่ ยังคงพอมีเวลาให้ได้ไปเลือกเดินดูหนังสือกันนะ
ไปถึงหน้างาน เริ่มต้นด้วยการต่อแถวเพื่อขอรับโปสการ์ดลายตัวละคร ซึ่งสามารถเลือกแบบที่ตัวเองถูกใจได้ 1 ใบ จากนั้นก็รับ พาสปอร์ต ผจญภัย 9 ด่านแห่งเมืองนิยาย ประมาณว่าเป็น checkpoint ให้ผู้เข้าร่วมงาน ทำกิจกรรมไปตามซุ้มต่างๆ ถ้าทำได้ครบทุกจุดที่กำหนด สามารถนำไปแลกรับของพรีเมียมได้อีกต่อหนึ่ง
รับพาสปอร์ตมา เปิดดูรายละเอียดด้านใน จากการกวาดสายตามองคร่าวๆ ฉันจึงกะเอาไว้ว่า เดี๋ยวซื้อหนังสือแล้วค่อยกลับมาเล่น ซื้อของให้ครบ ให้สบายใจก่อนละกัน
เนื่องจากงานในวันแรกตรงกับวันเสาร์ คนเลยค่อนข้างหนาแน่น แวะดูหนังสือจากซุ้มใกล้ที่สุด เล็ง boxset ที่มีหนังสือจำนวน 3 เล่มเอาไว้ ไปหยิบสินค้าขึ้นมาดู ฉันจึงตระหนักได้ว่า มันค่อนข้างหนักเอาการ จะให้เดินดูหนังสือไป แบกกล่องไปด้วย มันต้องเมื่อยมากแน่ๆ
ไม่ได้การล่ะ เหลือบตามองความเป็นไปของชาวบ้านชาวช่องรอบตัวซะหน่อยดีกว่า ดูว่าคนอื่นเค้าเอาตัวรอดกันอย่างไร เห็นหลายคนเดินถือตะกร้าใส่ของ (เหมือนตะกร้าจับจ่ายสินค้าที่เห็นได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต) ฉันจึงปรี่เข้าไปถาม ได้ความว่า ทางผู้จัด เขามีบริการตะกร้า สำหรับให้ลูกค้าบรรจุหนังสือที่จะซื้อ
รู้ดังนั้นแล้ว ฉันจึงละทิ้งภารกิจตะลุยซื้อหนังสือชั่วคราว เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการตามล่าตะกร้า โชคดีที่เดินหาอยู่ไม่นาน เจอคุณน้องเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง กำลังแบกกองตะกร้าผ่านมาพอดี ฉันเลยเข้าไปขอตะกร้ามาหนึ่งใบ คุณน้องเจ้าหน้าที่เป็นมิตรมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ยินดีให้บริการเต็มที่
ได้ตะกร้าเป็นอาวุธประจำกายพร้อมแล้ว จึงได้เวลากลับมาสานต่อภารกิจสำคัญ นั่นคือ การซื้อนิยายที่ถูกใจ ซึ่งในส่วนนี้ ต้องยอมรับว่าออกจะงงอยู่หน่อยๆ กับการจัดแยกประเภทหนังสือที่ (คาดว่า) แบ่งตามธีมไทย จีน ฝรั่ง (มั้ง) ทำให้เป็นอะไรที่ท้าทายความสามารถของผู้ซื้อพอสมควร เหมือนว่าเราไม่ได้กำลังมาซื้อหนังสือ แต่มันคือการตามล่าหาสมบัติล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น
อันหนังสือแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่ออกตามล่าจะได้หรือ
อืม...ก็ถือว่าสนุก ได้รสชาติชีวิตไปอีกแบบหนึ่งแหละนะ เจอหนังสือเล่มที่อยากได้แต่ละครั้ง ฉันนี่แทบจะกรีดร้องให้ดังลั่นงานด้วยความดีใจ
ในระหว่างการเลือกซื้อหนังสือ มันก็ต้องฟันฝ่ากลุ่มคน ทั้งผู้ที่มาร่วมเล่นกิจกรรมตามซุ้มต่างๆ และคนที่เข้าคิวรอจ่ายเงิน
โอ...หมดกันแล้วตรู ณ จุดนั้น โบกมือลาความเรียบง่ายในชีวิตไปได้เลย
ความคิดที่ว่าหยิบหนังสือ จ่ายเงิน แล้วกลับไปนอนอ่านสบายๆ ที่บ้าน มันไม่มีอยู่จริง
ความพีคของการจัดงานวันแรก อยู่ตรงขั้นตอนการจ่ายเงินนี่แหละ โอย...นี่มันงูกินหางชัดๆ เลื้อยมุมนู้น ตวัดมุมนี้ ไหนจะขดวนไปมาตามแนวทางเดินอีกหลายตลบ และที่สาหัสอย่างมาก คือ การที่หญิงสาวบอบบางอย่างฉัน ต้องอดทนแบกตะกร้าที่บรรจุนิยายมากมายจนหนักอึ้ง เดินวนเวียนไปตามแถวที่ตวัดคดเคี้ยวไปตลอดทางด้วยนี่สิ
มัน-หนัก-มาก มัน-เมื่อย-มาก มัน-อยาก-กรีด-ร้อง-โหย-หวน-มาก
ได้แต่เฝ้ารำพึงรำพันกับตัวเอง ทำไมตรูต้องมาเจออะไรแบบนี้ จังหวะนั้น พระเอกฝรั่ง ไทย และจีน ดูเหมือนจะช่วยอะไรตรูไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม ขอชื่นชมทางผู้จัดงานที่ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น พยายามหาทางแก้ไข เพื่อให้เป็นที่พอใจของลูกค้า จากการเข้าแถวเป็นหางงู เปลี่ยนมาเป็นการแจกบัตรคิว ขจัดปัญหาแม่งูเอ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการเพิ่มจำนวนเคาน์เตอร์จ่ายเงินอีกด้วย
จ่ายเงินเรียบร้อย ยังค่ะ ยังไม่ได้กลับบ้านหรอก เพราะจะต้องนำบัตร Nivel ที่ได้รับจากยอดสะสมในการซื้อหนังสือ ไปแลกของพรีเมียมหน้างานอีก พอเดินออกมาบริเวณด้านหน้างาน ใช่แล้วค่ะ เจอบัตรคิวสำหรับแลกของพรีเมียมเช่นเดียวกันกับการจ่ายเงินอีกแล้ว
โอย...ศึกครั้งนี้ ช่างยาวนานนัก
ระหว่างรอคิวรับของพรีเมียม ฉันเลยตัดสินใจเข้าไปเดินในงานอีกสักรอบ (ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ไง) พอดีว่าหนังสือชุดที่อยากได้ ยังมาถึงงานไม่ครบ เดี๋ยวรอไปรอมา หนังสือก็คงเข้ามาถึงงานพอดีนั่นแหละ
นั่งรอทั้งหนังสือที่ยังมาไม่ถึง และคิวรับของพรีเมียมด้วยความมุ่งมั่น ประมาณว่า ไหนๆ ก็รอมาถึงขนาดนี้แล้ว รออีกสักนิด มันก็ไม่เสียหายอะไร
สำหรับการซื้อหนังสือรอบสองของวัน เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เร็วกว่ารอบแรกมาก ด้วยปัญหาคิวจ่ายเงินที่ได้รับการแก้ไข ทำให้กระบวนการทั้งหมด ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้น
เมื่อฉันเดินออกจากฮอลล์อีกรอบ ก็ถึงคิวรับของพรีเมียมพอดี ค่อยยังชั่วหน่อย
เอ๊ะ! นี่ยังไม่ได้ไปล่าตราประทับตามจุด checkpoint เลย แต่...ช่างมันละกัน แค่นี้ก็เคล็ด ขัด ยอกไปหมดทั้งตัวแล้ว ลืมมันไปเหอะ
สำหรับของพรีเมียม ฉันเลือกชุดแสตมป์ที่ระลึก (สามารถใช้งานได้จริงด้วยนะ) แต่คิดว่าคงไม่ใช้หรอก เก็บเอาไว้ดู เพื่อเตือนความจำถึงรสชาติแห่งการรอคอยดีกว่า
อีกหลายปีต่อจากนี้ เมื่อนำแสตมป์ชุดนี้ออกมาดูอีกครั้ง ฉันอาจนั่งขำไปกับความหลัง เมื่อครั้งที่เคยต่อคิวงูกินหาง เพื่อรอจ่ายเงินก็เป็นได้
สิ่งหนึ่งที่อยากชมทางคณะผู้จัดงาน นั่นคือ ความยิ้มแย้มแจ่มใส อารมณ์ดี เต็มใจให้บริการของบรรดาน้องๆ พนักงาน ไม่ว่าจะเป็นคุณน้องที่ถือป้ายบอกตำแหน่งคิวคิดเงิน เป็นคนคอยเรียกและแจ้งให้ลูกค้าทราบตำแหน่งหางแถวอยู่เป็นระยะ (คุณน้องคงเหนื่อยและคอแห้งมาก), คุณพี่ผู้หญิงตรงเคาน์เตอร์จ่ายเงินที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ หรือแม้กระทั่งคุณพี่ผู้ชายที่ stand by บริเวณเคาน์เตอร์จ่ายเงิน ก็มีน้ำใจมาก อุตส่าห์เข้ามาช่วยฉันยกกองหนังสือใส่เป้และถุงผ้าที่พกมาเอง (พี่เค้าคงทนดูความทุลักทุเลของฉันไม่ไหวแหงๆ หรือไม่ก็กลัวว่าฉันอาจจะไปเกะกะ ขวางทางลูกค้ารายถัดไป ทำให้ทุกอย่างยิ่งล่าช้า)
วันแรกของการจัดงาน แม้จะประสบปัญหาหลายประการ แต่ทางผู้จัดและพนักงานที่เกี่ยวข้องทุกคน ล้วนเอาใจใส่ เต็มใจให้บริการด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
จริงอยู่ว่าในระหว่างต่อแถวเพิ่มความยาวของหางแม่งู เพื่อรอจ่ายเงิน มันจะมีความหงุดหงิด ขัดอกขัดใจเกิดขึ้นบ้าง แต่รอยยิ้ม และความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ภายในงาน เป็นสิ่งที่ช่วยสลายอารมณ์แง่ลบดังกล่าวไปได้เยอะเลยแหละ
ยังคงเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ สำหรับ มหกรรมนิยายนานาชาติ ครั้งที่ 1 ให้เหล่าสาวกนิยายได้ไปเดินชมและเลือกซื้อกัน สถานที่จัดงาน เดินทางสะดวก แอร์เย็นสบาย ในส่วนของอาหารการกินนั้น ก็มีให้เลือกหลากหลาย
นี่กำลังคิดอยู่ว่า ฉันอาจจะหาเวลาไปเดินชมงานในวันธรรมดาอีกสักวัน ครั้งก่อนมัวแต่รีบซื้อหนังสือ ถ้าไปอีกครั้ง คงมีเวลาเที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงสวย ได้เดินดูตามซุ้มกิจกรรมแบบไม่ต้องรีบร้อน
นอกจากนี้ ฉันยัง (แอบ) หวังว่า งานครั้งหน้า หากมีนิยายให้เลือกเยอะกว่านี้ น่าจะดียิ่งขึ้นไปอีก
สำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจ จะไปดีมั้ยนะ หากไม่ลำบากนัก อยากให้ลองไปเที่ยวชมงานกันดูนะ เดินเล่นสบายๆ ช้อปนิยาย ได้ของพรีเมียม เจอพนักงานอัธยาศัยดี แฮปปี้กันถ้วนหน้า
ส่วนตัวฉัน ขอแว้บไปอ่านนิยายที่กองรออย่างสงบก่อนล่ะจ้า
Sources
ภาพประกอบ: Photo by Natalie from Pexels
Comments
Post a Comment