เธอคือความฝัน


ในบทเพลงหนึ่งเพลง มีองค์ประกอบหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ซึ่งถูกนำมารวบรวมเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ได้มาซึ่งความละเมียดละไมและไพเราะ

แต่...จะมีสักกี่เพลงกันเล่าที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่า ทุกองค์ประกอบที่เรียงร้อยขึ้นมาอย่างบรรจงเหล่านั้น สามารถผสานจนเกิดเป็นความลงตัวในทุกด้าน

“เธอคือความฝัน...ในใจฉัน
เพียงความฝัน...ที่แสนไกล”

เพียงได้ยินประโยคท่อนแรกของบทเพลง ความคิดของฉันก็ล่องลอยไปไกลแสนไกล

เธอคือความฝัน เพลงในตำนานจาก พราว บทเพลงที่ทุกองค์ประกอบ ราวกับถูกเนรมิต จนออกมาเป็นเพลงที่ลงตัวไปซะหมด ไล่มาตั้งแต่ ชื่อเพลง เนื้อร้อง และท่วงทำนองของดนตรี

ราวกับตกอยู่ในความฝัน นั่นคือความรู้สึกของฉัน สมัยที่ได้ยินเพลงนี้เป็นครั้งแรก เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ได้ฟังแล้ว มันก็จะเคลิ้ม จนไม่อยากให้เพลงจบลงเลย

จากเสียงกีตาร์โปร่ง เบา สบาย ใสกิ๊ง แปรเปลี่ยนเป็นเสียงกีตาร์ไฟฟ้า รวมกับเสียงกลองที่ช่วยเพิ่มจังหวะหนักหน่วงให้กับบทเพลง หากแต่เสียงร้องจาก เล็ก สุรชัย กิจเกษมสิน ยังคงความนุ่มนวลเอาไว้อย่างสม่ำเสมอ

ในช่วงท้ายของบทเพลง นอกจากความรู้สึกดุจล่องลอยอยู่ในความฝันแล้ว เสียงดนตรียังแฝงไว้ซึ่งความเวิ้งและหลอน (นิดนึง) แอบทิ้งอารมณ์ค้างคาใจเอาไว้ให้กับผู้ฟัง ประมาณว่าเพลงจบ แต่ความรู้สึกไม่จบไปตามเพลง

เธอคือความฝัน ถูกเรียบเรียงดนตรีขึ้นใหม่ เพื่อนำไปใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Happy Birthday ที่ได้ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง เป็นผู้กำกับ และ สุดหล่อ อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม รับบทนำ นับเป็นเวอร์ชันที่มีความไพเราะ ไม่แพ้ฉบับดั้งเดิม

ฉันชอบที่มีการนำเสียง music box มาใช้ในช่วงอินโทรของบทเพลง มันให้ความรู้สึกอ่อนหวาน ซึ่งก็เข้ากันดีกับบรรยากาศช่วงต้นของหนัง ได้อมยิ้มไปกับฉากมุ้งมิ้งที่ เต็นกับเภา (แอบ) เขียนข้อความโต้ตอบกัน ลงในหนังสือท่องเที่ยวเล่มหนึ่งในร้านหนังสือ

แต่...อย่าเพิ่งวางใจในความ (เหมือนจะ) พาสเทลนี้ล่ะ

“จะมีความรักให้เธออย่าง...หาใครมาเปรียบเหมือน”

เมื่อติดตามเรื่องราวความรักระหว่างทั้งคู่ต่อไปเรื่อยๆ มันจะมีทั้งความไม่คาดคิด เศร้า สะเทือนใจ ทึ่ง และตื้นตัน โอ...ต่อมความรู้สึกทำงานหนักเลยสินะ แทบไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้ จะรวมอยู่ในหนังเรื่องเดียว แต่ก็เป็นไปแล้ว (อ้อ! จะบอกว่า เรื่องนี้น่ะ อนันดาสุดหล่อ ก็ยังหล่อมาก มาก มากเช่นเคย)

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่ได้จากการฟังเพลงในเวอร์ชันภาพยนตร์ ค่อนข้างแตกต่างจากต้นฉบับอยู่บ้าง

“มีเพียงเราสองรักกันอยู่ ข้างเคียงกันเสมอ...”

แม้ว่าจะรักษาสไตล์ “ราวกับตกอยู่ในความฝัน” เอาไว้ได้เช่นเดียวกันกับเวอร์ชันดั้งเดิม หากแต่เพลงจากภาพยนตร์ ผู้ฟัง (น่าจะ) อยากให้เรื่องราวเหล่านั้น กลายเป็นเพียงแค่ความฝัน

เมื่อตื่นขึ้นมา ก็คาดหวังว่า ทุกอย่างจะพลันอันตรธานไป

“ในใจลืมเผลอละเมอตื่น
ฝันยังคอยหลอกหลอน
หายใจมีแต่เธอ...แม้เธอไม่มีอยู่”

Source
ภาพประกอบ: Photo by Yang Shuo (@yangshuo) from Unsplash

Comments