มาถึงนิยายที่เพิ่งอ่านจบไปล่าสุด สำหรับ พราก จาก วรศิษฏ์ ต้องบอกว่าแต่เดิมนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอ่านเรื่องนี้ในช่วงนี้เลย เนื่องจากเห็นว่าเป็นหนังสือ 2 เล่มจบ มันก็จะขี้เกียจนิดๆ (ไม่นิดหรอก ขี้เกียจมากกกก ก. ไก่สิบล้านตัว)
แต่...(นั่นไง เอาแล้ว) ด้วยนิสัยส่วนตัวของฉัน เมื่อซื้อหนังสือเล่มใหม่มาทุกครั้ง อันดับแรกที่ทำ คือ ต้องเปิดเช็คว่าหนังสือเล่มนั้นๆ มีจำนวนหน้าครบถ้วนหรือไม่ หากมีหน้าใดหน้าหนึ่งขาดหาย หน้าข้าม หน้าสลับ จะได้ส่งไปเปลี่ยนอย่างทันท่วงที
แล้วไงต่อ ทีนี้พอเช็คเสร็จสรรพ เห็นว่าหนังสือมีสภาพสมบูรณ์ เรียบร้อย จึงพลิกไปดูเนื้อหาปกหลังทั้งสองเล่ม จากที่เคยได้อ่านเนื้อหาปกหลังในเล่มแรกไปแล้วทางออนไลน์ รู้สึกสนใจ เลยตัดสินใจสั่งซื้อหนังสือกับทางนักเขียน
เมื่ออ่านคำโปรยปกหลังเล่มที่สองจบ อาการคันยุบยิบก็มากวนใจ ประมาณว่าอยากรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยเร็ว ทนไม่ไหวล่ะจ้า ขอแซงคิวเล่มอื่นๆ อ่านเล่มนี้ก่อนเลยละกัน
ก่อนจะเล่าถึงเรื่องราวในหนังสือ ต้องบอกว่าประทับใจกับปกหนังสือทั้งสองเล่มมาก ซึ่งผู้ออกแบบปก คือ พิชญวดี นักเขียนอีกหนึ่งคนที่ฉันติดตามผลงานมาอย่างต่อเนื่อง (นิยายของคุณนุ๊กทุกเล่ม ปกน่ารักถูกใจฉันทั้งนั้น)
สำหรับ พราก รูปเล่มมาในโทนสีม่วงตุ่น ออกทึมๆ เล็กน้อย โดยทั้งปกหน้าและปกหลัง มีภาพของสถานที่ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งใช้เป็นฉากในนิยาย บวกกับภาพของดอก Jacaranda สีม่วงสวยที่เป็นดั่งตัวแทนนางเอก
มาพูดเรื่องหีบห่อบ้าง ทางคุณวรศิษฏ์ จัดการห่อหนังสือมาอย่างดี ทำให้ตัวหนังสือทั้ง 2 เล่ม ซึ่งบรรจุภายใน boxset โทนสีม่วงเช่นเดียวกันกับหนังสือ มาถึงผู้รับในสภาพเนี้ยบกริบ ขอชื่นชมในความใส่ใจของคุณนักเขียนในจุดนี้
เอาล่ะ มาถึงเรื่องราวในหนังสือ พราก บอกเล่าถึงความรักของ หนูกวาง ปาฏลี กับ คุณโอม กรัณย์ ในช่วงแรก อ่านแล้วอาจมีงงเล็กน้อย คู่นี้รักกันยังไงนะ เรื่องราวความรัก มันเริ่มต้นมาจากตรงไหน
นั่นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ฉันอยากรู้ พูดอีกแบบ คือ นักเขียนได้จุดประกายความเผือกในตัวฉันเข้าแล้ว 555 ก็เลยต้องตามอ่านต่อไป จากประเด็นจุดเริ่มต้นความรัก คราวนี้ความสงสัยของฉัน เบนเข็มไปทางฝั่งพระเอก ด้วยเหตุผลอะไร เขาถึงบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้นางเอกและลูกกลับเมืองไทย เวลานางเอกถามอะไร ทำไมคำตอบที่ได้รับดูคลุมเครือ
โวะ นี่ถ้าฉันเป็นหนูกวางนะ จะไม่ยอมทนกับความอึมครึม ประหนึ่งมีฝุ่น PM 2.5 มาครอบคลุมชีวิตอยู่แบบนี้หรอก (ใจเย็นนะแก ตั้งสติหน่อยเซ่ เป็นนางเอกรึก็ไม่ใช่ อย่าตีโพยตีพายให้เหนื่อยเลย นั่งอ่านเงียบๆ ต่อไปเหอะ)
ความเมฆหมอก 2.5 ยังไม่ทันกระจ่างไปจากใจของหนูกวาง คุณพินทุ แม่ของพระเอกก็เข้ามามีบทบาท สกัดดาวรุ่งตามสไตล์แม่ผัวตัวร้าย โอย...อ่านแล้วมันจี๊ดใจแทนนางเอกซะจริง อยากแหวกหน้าหนังสือ เข้าไปจัดการคุณป้าพินทุแทนหนูกวางเป็นบ้าเลย ฮึ่ย! อย่ามาทำหนูกวางเจ็บนะป้า (อินมาก)
อ้อ! ป้าพินทุน่ะ แกไม่ได้ฉายเดี่ยวหรอกนะ มีตัวเต็งที่แกจับจองให้คู่กับคุณโอมอย่าง หนูเกม กัทลี มาด้วย แต่...ตัวเต็งคนนี้น่ะ ไม่ได้มีความร้ายกาจตามสไตล์นางร้ายหรอก เธอเป็นผู้ดีที่จัดว่ามีนิสัยน่าคบเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หลังจากการสำแดงเดชของป้าพินทุ หนูกวางเลยตัดสินใจไปจากชีวิตคุณโอมและลูกสาววัยแบเบาะ หนูน้อยอะตอม ปราณชนก ที่มีใบหน้าเหมือนหนูกวาง ผู้เป็นแม่ โดยนางเอกไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ณ ขณะนั้น มีชีวิตน้อยๆ อีกหนึ่งชีวิตได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
ใช่ค่ะ เบบี๋ no. 2 หนูไอติม หรือ ปราณมาตา มาอยู่ในท้องแม่กวางแล้วจ้า โดยลูกสาวเบอร์สองนี้ มีหน้าตาถอดแบบมาจากคุณโอมเป๊ะๆ (ดีเนอะ สร้างความสมดุลในชีวิต คนโตเหมือนแม่ คนเล็กเหมือนพ่อ)
หลังแยกตัวจากมา โดยอพยพจากเมลเบิร์นมาปักหลักที่ซิดนีย์ นางเอกก็เรียนไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย โชคดีที่ในเมืองใหม่นี้ เธอได้เจอผู้คนดีๆ หลายต่อหลายคน อย่างเช่น ป้านิโคล ลุงเจสัน สองสามีภรรยาชาวออสซี่ เจ้าของร้านหนังสือ และกิจการโฮสเทล พร้อมเจ้ามิกกี้ พิทบูลสีดำตัวโต สัตว์เลี้ยงของลุงกับป้า
นอกจากลุง ป้า และเจ้ามิกกี้แล้ว กวางยังมีเพื่อนใหม่ชาวไทยผู้ร่าเริง เชอรี่ ปีย์วรา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน รวมไปถึง พี่ไอวี่ ลุนตยา พี่สาวของเชอรี่ และ เซบาสเตียน สามีดีไซเนอร์ของไอวี่ คอยให้ความช่วยเหลืออีกด้วย
หนูกวางเรียนจบในสาขาการออกแบบเสื้อผ้าสมดังปรารถนา ด้วยความสามารถของเธอ ทำให้ทันทีที่เรียนจบ ได้เข้าทำงานในบริษัทของเซบาสเตียน พี่เขยของเพื่อน และด้วยอาชีพของเธอนี่แหละ ที่ทำให้ได้กลับมาเจอคุณโอม พ่อของลูกอีกครั้ง
นั่นทำให้คุณโอมเพิ่งรู้ว่า นอกจากอะตอมแล้ว เขายังเป็นคุณพ่อลูกสองโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด เรื่องราวต่อจากนี้เป็นอย่างไร หนูกวางกับคุณโอมจะได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันหรือไม่ คงต้องไปลุ้นกันต่อในเล่มล่ะนะ (ไม่ใช่อะไรหรอก เริ่มเมื่อยนิ้ว ขี้เกียจพิมพ์แล้ว)
เพิ่มเติมอีกหน่อย นอกจากจะต้องตามติดชีวิตรักของพระ-นางแล้ว ยังต้องแบ่งใจไปช่วยเชียร์คุณเกม กัทลี อีกด้วย ส่วนตัวแล้ว ฉันเห็นใจเธอนะ คนดีแบบนี้ ควรได้สมหวังในความรักสิ เฮ้อ! ถอนใจหนึ่งเฮือก
เกือบลืมไปอีกอย่าง ระหว่างที่อ่านน่ะ สามารถสัมผัสเรื่องราวความรักของเชอรี่ ปีย์วรา เพื่อนหนูกวางได้นิดนึงด้วย และมาชัดเจนขึ้นในช่วงท้ายเรื่อง (ตบเข่าฉาด นึกแล้วเชียว) เลยเดาเอาเองว่า นักเขียนอาจแยกไปเขียนเรื่องราวของเชอรี่อีกเล่มหนึ่ง (รึป่าวหว่า)
สิ่งที่ฉันชอบจากนิยายเรื่องนี้ คงเป็นความรักดีของหนูกวางนี่แหละ แม้จะมีเหตุให้ต้องพักการเรียนชั่วคราว แต่เธอยังคงมุ่งมั่น สานฝันของตัวเองให้เป็นจริงจนได้
แม้เรื่องราวในนิยาย จะหนีไม่พ้นแนวแม่ผัวร้าย-ลูกสะใภ้ยอม พระเอกปากหนัก ไม่ยอมบอกเล่าเหตุผลในการกระทำ ส่วนนางเอกก็รักพระเอกจนยอมเป็นฝ่ายจากไปอย่างเจ็บปวด (ที่จริงก็เจ็บทั้งคู่) แต่อ่านจบแล้ว ฉันก็ยังคงชอบในความน้ำเน่าแบบนี้อยู่ดีนะ (ถ้าชอบ ก็ไปเล่นน้ำคลองแสนแสบเสะ)
อ้อ! ใช่ ที่ชอบอีกอย่าง เห็นจะเป็นการตั้งชื่อบรรดาลูกๆ ทั้งสามคน พี่อะตอม ปราณชนก, น้องไอติม ปราณมาตา และน้อง... (อยากรู้ว่าเบบี๋ no. 3 ชื่ออะไร ต้องไปอ่านนะ)
ยัง ยังไม่หมด ความ series ชื่อในโทนเดียวกันนี้ เพราะคุณโอมยังอุตส่าห์คิดเผื่อแผ่ไปถึงเบบี๋ no. 4 ด้วยนะเออ เหอะๆ ลูกยังไม่มีทีท่าว่าจะมาเกิด คุณพ่อสุดหล่อก็คิดชื่อลูกไว้เรียบร้อยแล้ว
ส่วนประเด็นที่ฉันสงสัยในตอนต้นว่าพระ-นาง เขามารักกันได้อย่างไรนั้น คุณนักเขียนได้เฉลยในตอนพิเศษ 4 ตอน ช่วงท้ายของหนังสือเอาไว้ด้วยนะ
พูดถึงเรื่องบทตอนจากหนังสือแล้ว สิ่งที่ฉันถูกใจอีกอย่าง คือ การตั้งชื่อบทตอนนี่แหละ คุณนักเขียนเขาตั้งชื่อแต่ละบท โดยใช้คำเพียงแค่พยางค์เดียวเท่านั้น แต่สามารถสื่อความหมาย บอกถึงเรื่องราวในบทนั้นได้อย่างเห็นภาพเลย ขอชื่นชมในความคิดสร้างสรรค์และความฉลาดในการเลือกใช้คำ
ใครสนใจอยากอ่านชีวิตรักของหนูกวางกับคุณโอม ลองไปสอบถามโดยตรงกับคุณนักเขียนได้นะ เหมือนจะเห็นจากหน้าเพจว่ายังคงมีขายอยู่ หรือจะซื้อจากร้านออนไลน์อื่นๆ ก็น่าจะยังหาได้ไม่ยากเย็นนัก
สำหรับฉัน คิดว่าคุ้มนะที่ซื้อ boxset เรื่องนี้ แค่เห็นกล่องสีม่วงสวย ใจมันก็ฟูๆ แล้วล่ะ ไหนจะรูปเล่มที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยพริ้งอีก ที่สำคัญ เรื่องราวในหนังสือก็น่าติดตาม ไม่แพ้ความงามของกล่องและรูปเล่ม
นักอ่านท่านใดที่ยังตัดสินใจไม่ได้ จะซื้อดี ไม่ซื้อดี อย่าปล่อยให้ความลังเลนั้นอยู่กับคุณนาน ซื้อเหอะ เชื่อฉัน อ่านมาแล้ว ของเค้าดี ไม่มีผิดหวัง
ป.ล. นี่จำได้ว่าเคยอ่านผลงานของคุณวรศิษฏ์มาก่อนหน้านี้ด้วยนะ รู้สึกจะเป็นเรื่องของ คุณพยาบาลซอ แสนหวาน กับ คุณมัตถ์ ข้าวต้มมัด จาก ลงหลักปักรัก แต่อ่านยังไม่จบ แหม...พูดแล้วก็คิดถึง เห็นทีคงต้องเปย์เข้าไหดองอีกเป็นแน่แท้
Sources
FB: พิชญธิดา พิชญวดี (คุณนุ๊ก ผู้ออกแบบปกเรื่อง พราก และเป็นอีกหนึ่งนักเขียนที่ฉันเป็นติ่งผลงานของเธอ)
Comments
Post a Comment