วะฮะฮ่า...นี่คือเสียงหัวเราะ แสดงความยินดีกับตัวเองที่สามารถอ่านหนังสือจนจบเล่มในรอบระยะเวลาหลายเดือน เฮ้อ...แบบว่าค่อยมีกำลังใจในการอ่านเพิ่มมากขึ้นอีกนิด
เอิ่ม...ไม่อยากจะเขียนให้เสียกำลังใจที่เพิ่งจะเพิ่มขึ้นหรอกนะ แต่แกช่วยลองหันกลับไปดูกองดองมากมายหลายไหสักหน่อยมั้ย มันยังมีอีกเป็นหลายร้อยไหเลยนะเฟร้ย ทางที่ดี ควรเร่งสปีดการอ่านในระดับเต่าขี้เกียจ ให้มันว่องไวกว่านี้จะดีกว่า
แหม แหม (ทำท่าตบบ่าประกอบคำพูด) ทุกอย่างมันก็ต้องมีก้าวแรกด้วยกันทั้งนั้น ถึงจะช้า แต่ก็มาแหละน่า ใจเย็นเซ่
จะบอกว่า ก่อนหน้านี้น่ะ ฉันเคยอ่านผลงานจากนามปากกา เริ่มอรุณ มาบ้างนะ รู้สึกจะเป็นเรื่อง รัก (ไม่) ตั้งใจ แต่ก็เป็นเพียงการอ่านจากทางหน้าเว็บเท่านั้น อีกทั้งเป็นการอ่านแบบไม่ต่อเนื่อง เลือกอ่านเฉพาะตอนที่ตัวเองอยากอ่าน ทำให้ไม่รู้เรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบ
พูดขึ้นมาแล้ว เห็นทีคงต้องกลับไปรื้อตู้หนังสือ ขุดขึ้นมาอ่านแบบตั้งใจกันใหม่
อ้อ! ใช่ๆ นอกจาก รัก (ไม่) ตั้งใจ ที่อ่านตามใจตัวเองแบบไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้ฉันต้องซื้อแบบรูปเล่มมาเก็บเข้ากองดองให้อุ่นใจแล้ว ก็ยังมี ร้าย (ไม่) ตั้งใจรัก อีกหนึ่งเล่มด้วยล่ะ รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องราวของตัวละครที่อยู่ในเรื่อง รัก (ไม่) ตั้งใจ แน่นอนว่าฉันก็ต้องซื้อหนังสือมาเก็บเข้ากรุไว้ก่อน
นั่นแปลได้ว่า วัตถุดิบแห่งไหดองเพิ่มขึ้นอีกแล้วสิเนี่ย (จะล้นไหรึยังนั่น) แหะๆ งั้นเราจะข้ามความดองเปรี้ยวดองเค็มนี้ไป แล้วกลับมาพูดถึงผลงานล่าสุด สดๆ ร้อนๆ จากคุณเริ่มอรุณกันเถอะ
โดยหนังสือเล่มล่าสุดนี้ ฉันได้มาจากการสั่งซื้อทางเพจสำนักพิมพ์ กรองอักษร ในช่วงงานหนังสือที่เพิ่งผ่านไป เห็นมะ ถึงไม่ได้ไปงาน แค่คลิก คลิก (แน่นอนว่าจ่ายตังค์ด้วย คลิกอย่างเดียว ไม่มีปาฏิหาริย์แน่ๆ) นั่งรออยู่บ้าน ก็ได้หนังสือมาอ่านแล้ว
เมื่อไรก็รักเธอ เป็นเรื่องราวความรักระหว่าง ก้อย กฤติกา กับ ไอซ์ ไอศูรย์ ทั้งคู่พบกันเป็นครั้งแรกในวันสอบเข้าเรียนต่อชั้นมัธยมปลาย ซึ่งก้อย นางเอกของเรื่อง เด็กสาวจากราชบุรี เดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อมาสอบเข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ตามความต้องการของผู้เป็นแม่ที่อยากให้เธอได้เรียนสูงๆ และมีอนาคตที่ดี
ขณะกำลังเคว้งคว้าง ท่ามกลางตึกเรียนมากมาย เจ้าชายขี่ม้าขาว ไอซ์ พาริส สุดหล่อ ขาวใส รักติดไซเรน เอ๊ย! ผิดแระ ไอซ์ ไอศูรย์ ก็เข้ามาพูดคุย และให้ความช่วยเหลือด้วยการพาก้อยไปเข้าห้องสอบ ซึ่งบังเอิญว่าทั้งคู่สอบห้องเดียวกัน
ผลสอบออกมา ทั้งก้อยและไอซ์ ต่างสอบติด ทำให้ได้เป็นเพื่อนร่วมโรงเรียน และยังเป็นเพื่อนร่วมห้องอีกด้วย โดยที่หนุ่มไอซ์นั้น แอบชอบสาวก้อย คอยเฝ้าเมียงมอง และให้ความช่วยเหลือเมื่อเธอมีปัญหาอยู่เสมอ
วันสุดท้ายของการสอบปลายภาคมาถึง พระเอกของเรารวบรวมความกล้า บอกความในใจกับนางเอก แต่กลับถูกปฏิเสธ พ่อหนุ่มไอซ์จึงได้แต่หอบใจช้ำๆ ของตัวเองกลับไป โถ...น่าสงสารซะจริงพ่อคุณ
สิบปีผ่านไป จากหนุ่มน้อยช้ำรัก ทำตัวสำมะเลเทเมาอยู่ต่างแดน ไอซ์กลายมาเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ผู้มีความรับผิดชอบ และกลับมาปักหลักที่เมืองไทย พร้อมลูกสาว เด็กหญิงไอริณ หนูน้อยลูกครึ่งวัยห้าขวบ หน้าตาน่าเอ็นดูเหมือนตุ๊กตา
พรหมลิขิตเริ่มทำงานอีกครั้ง ทำให้ไอซ์ได้เจอกับก้อยที่งานแต่งของเพื่อนสนิทสมัยมัธยม พระเอกของเราน่ะ เคยรักเคยชอบเขาอย่างไร ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น อาจจะมีปากแข็ง ทำเป็นไม่ยอมรับบ้าง เหอะๆ แต่ของอย่างงี้ อาการมันฟ้อง คนเค้ารู้เค้าเห็นกันหมดแหละ
ความบังเอิญทั้งหลาย (หรือโชคชะตานำพา) ไม่ได้จบลงแค่เพียงงานแต่ง เพราะหลังจากนั้น ก้อย ซึ่งปัจจุบันเป็นนักจัดแต่งสวน ได้เข้าไปแต่งสวนที่บ้านของคุณพิมุข พ่อของไอซ์
เส้นทางความรักของก้อยกับไอซ์ ใช่ว่าจะเรียบง่าย เพราะสกาวจันทร์ แม่ของไอซ์ ไม่ได้ปลื้มก้อยสักเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น คุณแม่ยังหันไปสนับสนุน ว่าน วาทิยา เพื่อนสาวสมัยเรียนอยู่ต่างประเทศของไอซ์อย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย
ระหว่างที่เรื่องราวดำเนินไป คนอ่านจะได้รู้จักแก๊งคุณหมอ เหล่าเพื่อนสนิทของนางเอกอีกหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็น หมอไหม มทิรา เจ้าของฉายา ‘ไหมรู้ โลกรู้’, หมอกูล รณกรณ์ คุณหมอหัวใจและทรวงอก, หมอสน สนธยา กุมารแพทย์ที่ทำตัวเป็นสายข่าวให้เพื่อนฝูง เป็นต้น
เอ๊ะ! ไหนว่านางเอกเป็นนักจัดสวน แล้วไหงมีเพื่อนสนิทเป็นบรรดาคุณหมอทั้งนั้นเลยล่ะ ถ้าใครสงสัยในประเด็นนี้ ขอเชิญไปสืบเสาะ ค้นหาเหตุผลต่อในเรื่อง (ผลัวะ! โดนคนอ่านตบ โทษฐานหมั่นไส้)
มาถึงตอนประทับใจ เป็นฉากที่นางเอกขึ้นไปบนดอยกับเหล่าเพื่อนหมอ โดยมีคุณไอซ์ติดสอยห้อยตาม ร่วมขบวนไปด้วย (เหล่มองไปทางพระเอก พร้อมคำถาม ไปกับเค้าทำไมล่ะนั่น) ซึ่งจุดประสงค์ของการขึ้นดอยในทุกปี ก็เพื่อไปพบปะ พร้อมทั้งมอบเสื้อผ้า ของใช้ อาหาร รวมไปถึงตรวจสุขภาพให้กับชาวเขาในหมู่บ้าน
สำหรับนางเอก การขึ้นดอยของเธอ มีความหมายยิ่งไปกว่านั้น ฉากการพูดคุยระหว่าง เลอไท หนุ่มชาวเขาในหมู่บ้านกับก้อย และคำพูดเรียบง่ายของเลอไทที่ว่า “ละกุอย่างไว้ตี้นี่” ทำเอาฉันบ่อน้ำตาแตก ไม่ต่างจากก้อย (ต่างเสะ เพราะแกมิใช่นางเอก แบร่ๆ) อ่านไป สูดน้ำมูก เช็ดน้ำตาไป
หรือจะเป็นฉากระหว่างก้อยกับจันผา ภรรยาของเลอไท ถึงแม้ในบทสนทนาจะมีภาษาคำเมืองที่ฉันไม่ค่อยคุ้นชินนัก แต่ด้วยการบรรยายของคุณเริ่มอรุณ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ซึมซับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละคร และอดที่จะตื้นตันใจไปด้วยไม่ได้ อีกแล้วค่ะ น้ำตาไหลเป็นทาง พร้อมเสียงสะอื้น โอย...ทิชชูอยู่หนาย ควานหาจ้าละหวั่น
ในส่วนของ ว่าน วาทิยา ที่ (เหมือนจะ) เป็นตัวร้ายของเรื่อง ฉันว่าอันที่จริงน่ะ ว่านน่าจะถือเป็นคนดีคนหนึ่งเหมือนกันนะ เพราะเป็นคนที่ช่วยเตือนสติไอซ์เรื่องลูก เป็นเพื่อนที่คอยประคับประคองให้พระเอกกลับมาเป็นผู้เป็นคน นี่อ่านแล้วแอบสงสารว่านเล็กๆ อยากให้เธอมีความสุข ได้เจอคนที่รักอย่างแท้จริงกับเค้าบ้าง
ความรู้สึกหลังอ่าน เมื่อไรก็รักเธอ จบเรียบร้อย จึงเป็นความประทับใจไปกับเส้นทางความรักของก้อยกับไอซ์ ได้ยิ้มไปกับความสดใส ไร้เดียงสาของเหล่าเด็กๆ จากหมู่บ้านชาวดอย ได้ซึ้งกับคำพูดและการกระทำที่จริงใจจากเลอไทและจันผา และได้เฮฮาไปร่วมกับเหล่าเพื่อนคุณหมอ
มีฉากให้ขำและประหลาดใจเล็กน้อยกับเรื่องราวของคุณหมอกูล รณกรณ์ กับ คำฝ้าย เด็กสาวชาวดอย ไม่แน่ใจว่า คุณเริ่มอรุณจะเขียนเรื่องราวของสองคนนี้ต่อมั้ย (แอบหวังให้เขียนต่อนะ)
ลืมไม่ได้อีกอย่าง สองหนุ่มจาก ครอบครัวตัว ก. น้องชายของก้อย คือ กร กรวิชญ์ กับ เก้า การัณย์ ก็มีส่วนช่วยสร้างสีสัน และน่าเอ็นดูอยู่นะ ท่าทางจะเป็นผู้งานดีซะด้วย อยากให้นักเขียนแต่งเรื่องราวของน้องนางเอกเพิ่มเหมือนกัน
ก่อนจะจบ นึกได้เพิ่มอีกนิด ข้อความที่ก้อยเขียนให้บนเสื้อนักเรียนของไอซ์ “คิดถึงเสมอ 831 ก้อย” เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ฉันจึงได้รู้ความหมายที่แท้จริง อู๊ย...รู้แล้วได้แต่บิดมือไปมาด้วยความขวยเขิน
สรุปเลยละกัน ใครที่อยากอ่านนิยายครบรส มีทั้งหวาน สนุกสนาน ขำขัน เฮฮา ซาบซึ้ง บ่อน้ำตาแตก (ในบางคราว) ฉันขอนำเสนอ เมื่อไรก็รักเธอ ผลงานจาก เริ่มอรุณ
ดีใจที่ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ ถือเป็นนิยายดีๆ อีกเล่มหนึ่งในใจฉัน
Sources
FB: เริ่มอรุณ
FB: สำนักพิมพ์กรองอักษร
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment