ขณะกำลังปัดนิ้วไปบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างเอื่อยเฉื่อยในยามเช้า เพื่อเลื่อนดูข่าวสารประจำวันด้วยอากัปกิริยากึ่งสะลึมสะลืออยู่นั้น จู่ๆ ข้อความหนึ่งจากสื่อออนไลน์ยอดนิยมก็เด้งขึ้นมา ติ๊ง!
ก่อนที่ข้อความแจ้งเตือนจะผลุบหายไปจากหน้าจออย่างว่องไวราวนินจา บังเอิญว่าสายตาของฉันเหลือบไปอ่านข้อความที่เพิ่งได้รับทันพอดี มันคือข้อความทักทายจากเพื่อนสมัยมัธยม ผู้ซึ่งไม่ได้พบเจอและพูดคุยกันมาเกือบจะยี่สิบปีแล้ว โอ...นานมาก ดึก (ดำบรรพ์) มาก
เห็นดังนั้น ฉันเลยกดเข้าไปอ่านข้อความเพิ่มเติม ซึ่งข้อความที่เพื่อนเก่าส่งให้ เป็นข้อความทักทายที่สั้น กระชับ และได้ใจความ เริ่มด้วยการบอกชื่อเล่นของตัวเอง และช่วยเตือนความจำว่า เราทั้งคู่เคยนั่งโต๊ะติดกันตอนมัธยม
เมื่อเห็นชื่อเพื่อน และอ่านข้อความจากเพื่อนแล้ว ฉันจึงพิมพ์ตอบกลับไปในทันที ทำให้ได้รับรู้ข่าวว่า กำลังจะมีการจัดงานเลี้ยงรุ่นครั้งใหญ่ เป็นการรวบรวมเพื่อนร่วมรุ่นมากที่สุด ครบถ้วนที่สุดเท่าที่จะทำได้
นอกเหนือไปจากข่าวเลี้ยงรุ่นแล้ว พวกเรายังพิมพ์ข้อความคุยกันต่ออีกหลายชั่วโมง ให้สมกับช่วงเวลาที่ห่างหาย ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเวลานาน โอ...ภาพความหลังครั้งเก่าก่อน ย้อนมาให้ระลึกถึงอีกครา (แก่แล้วก็งี้ เอาแต่นึกถึงเรื่องเก่าๆ ความทรงจำซีเปีย)
วันหนึ่งในช่วงพักระหว่างคาบเรียน ขณะที่เพื่อนๆ ในห้อง ต่างพากันออกจากห้องเรียน บ้างก็ไปวิ่งเล่น ไปดื่มน้ำ เข้าห้องน้ำไปตามเรื่องตามราว ฉันกับเพื่อนเก่าผู้นี้ ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียน เปล่าหรอก พวกเราไม่ใช่เด็กขยัน หมั่นทบทวนตำรับตำราเรียนแต่อย่างใด
สิ่งที่ทำให้ฉันและเพื่อนผู้นี้ พากันสุมหัวบนโต๊ะ นั่นก็คือ หนังสือดนตรีเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่บอกคอร์ดกีตาร์สำหรับบทเพลงฮิตต่างๆ ซึ่งหนังสือประเภทนี้ มักจะมีเนื้อเพลงครบถ้วน โดยมีชื่อคอร์ด กำกับเอาไว้บนตัวอักษรเหล่านั้น
บทเพลงที่ดึงดูดฉันและเพื่อนในยามนั้น เป็นเพลงดังมาก ดังแบบสุดขีด ดังเปรี้ยงปร้าง พูดง่ายๆ ว่าดังแบบรู้จักกันไปทั่ว ซึ่งเพลงนั้นก็คือ ...ก่อน จากวงดนตรี alternative rock ยุคแรกเริ่มของเมืองไทย โมเดิร์นด็อก
สมัยนั้น ไม่มีใครไม่รู้จักพี่ป๊อด ร้องนำ เมธี มือกีตาร์ และพี่โป้ง มือกลอง เพลงชาติของเด็กวัยรุ่นยุคดนตรีทางเลือก จะเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้ นอกจาก บุษบา นี่พูดแล้ว เสียงกีตาร์ช่วงอินโทร มาดังระรัวอยู่ในหัวฉันเลย ขาเตรียมโดดแล้วเนี่ย (เดี๋ยว! ยั้งใจไว้ วัยไม่ให้แล้วนะป้า)
เราจะข้ามเรื่องวัยอันน่าปวดใจ แล้วมาต่อกันที่ ...ก่อน ซึ่งเป็นเพลงที่มีท่วงทำนองช้า แต่ก็เป็นความช้าในแบบที่มีกลิ่นอายความร็อกอยู่ดี ประมาณว่านั่งฟังไปได้เรื่อยๆ แบบเย็นใจ สงบเสงี่ยม แต่เมื่อเพลงเข้าสู่ท่อนฮุก อาจลืมตัว เผลอลุกขึ้นมาโดด
ฉันชื่นชอบเสียงดนตรีในเพลงนี้เป็นอย่างมาก มันมีความอ่อนหวาน อบอุ่นที่แฝงมากับเสียงกีตาร์ มีความละมุนใจอยู่ในจังหวะกลองช่วงแรกเริ่ม พร้อมกับน้ำเสียงที่สื่ออารมณ์ ความรู้สึกออกมาอย่างเต็มเปี่ยมของพี่ป๊อดด้วยแล้ว ทำให้สัมผัสได้ทั้งความปลอบประโลม นุ่มนวล แล้วจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นความเข้มแข็ง ฮึกเหิมในตอนท้าย
สำหรับเนื้อร้องที่กินใจในบทเพลง มาจากผลงานการประพันธ์ของ ปฐมพร ปฐมพร นับเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่มีความสละสลวย ให้อารมณ์ละมุนละไมในทุกถ้อยคำ เรียงร้อยออกมาเป็นประโยคที่สมบูรณ์
ทันทีที่จรดปากกาลูกลื่น หมึกสีน้ำเงิน เขียนท่อนแรกของเนื้อเพลงลงบนหน้ากระดาษสีขาว สะอาดตา
“ก่อนท้องฟ้าจะสดใส
ก่อนความอบอุ่นของไอแดด
ก่อนดอกไม้จะผลิบาน
ก่อนความฝันอันแสนหวาน”
ราวกับภาพของโต๊ะ เก้าอี้ กระดานดำ ประตู พื้นไม้ หน้าต่างภายในห้องเรียนได้อันตรธานหายไปชั่วครู่ แทนที่ด้วยฉากธรรมชาติอันงดงาม ห่มคลุมด้วยหมอกจางๆ (เอ๊ะ! หมอกมาจากไหนฟระ อ๋อ...ฝุ่นชอล์กไง)
ก่อนที่เวลาพักสั้นๆ ในวันนั้นจะหมดลง ฉันและเพื่อน พากันจดเนื้อเพลงใส่กระดาษของตัวเองกันอย่างขะมักเขม้น เป็นการจดเพลงอย่างรีบเร่ง เพื่อให้ได้เนื้อร้องครบถ้วน เมื่อร้องเพลงนี้ในครั้งต่อไป มั่นใจได้เลยว่าพวกเราจะสามารถร้องออกมาได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ เป๊ะเวอร์
ภาพเราสองคนในยามนั้น คงเป็นภาพไม่สะดุดตานักหรอก ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำไปกับภาพนักเรียนหญิงวัยรุ่น สุมหัวกันอยู่สองคน หลายคนอาจคิดไปว่า เราทั้งคู่คงนั่งเม้ามอยตามประสาเด็กหญิง หรือบางคนอาจนึกว่าพวกเราน่าจะกำลังลอกการบ้านกันอยู่
แต่...หากใครขยับเข้ามาใกล้สักหน่อย ก็คงได้ยินเสียงฮัมเพลงจากเราสองคน คลอสลับกันไป พร้อมกับการก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างลงบนแผ่นกระดาษอย่างขมีขมันอยู่บนโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวเก่าอย่างแน่นอน
ไม่แน่นะ หากคุณได้ยินท่วงทำนองนั้น คุณอาจเผลอ ร่วมฮัมเพลงไปด้วยกันกับพวกเราก็เป็นได้
Source
ภาพประกอบ: Photo by Jessica Lewis from Pexels
Comments
Post a Comment