หลังจากจัดการงานบ้านเสร็จสิ้น เงยหน้าดูนาฬิกาก็พบว่า ปาเข้าไปหกโมงครึ่ง เกือบจะทุ่มอยู่แล้ว ไม่ได้การล่ะ ต้องรีบออกไปหาข้าวเย็นกิน ก่อนที่ร้านจะปิดหมด
มุ่งหน้าเข้าสู่ร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำ หากใครยังพอจำได้ ฉันเคยเขียนถึงร้านนี้ไปบ้างแล้ว จาก “สงครามชิงเห็ด” ในช่วงเทศกาลกินเจที่เพิ่งจะผ่านพ้นไป
ในครั้งนั้น เห็ดเป็นที่ต้องการสูง ทำให้ฉันพลาดจากเมนูต้มแซ่บเห็ด จนต้องเปลี่ยนมาสั่งต้มยำกุ้ง ด้วยความที่มัวกังวลว่าทางร้านจะใส่พริกเยอะเกิน ฉันเลยเพียงแต่ย้ำกับคุณน้องแม่ครัวว่าไม่ใส่พริก ลืมไปซะสนิทว่าตัวเองต้องการต้มยำน้ำใส
แล้วเป็นไง หันไปดูอีกที เห็นคุณน้องแม่ครัวเทนมข้นจืดและตักน้ำพริกเผาใส่ลงหม้อต้มยำที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนเตา จะห้ามก็ไม่ทันซะแล้ว อืม...แต่รสชาติต้มยำน้ำข้นเวอร์ชันไร้พริกในวันนั้น มันก็พอกินได้อยู่นะ
ตัดภาพมาวันนี้ หลังจากสั่งต้มแซ่บเห็ดกับคุณลุงเจ้าของร้าน และได้รับคำตอบว่าเห็ดหมด โอ...ชีวิตวนลูปสินะ เพื่อให้ลูปครบสมบูรณ์ (ที่จริงคือไม่รู้จะสั่งอะไรแล้ว) ฉันเลยตัดสินใจเปลี่ยนเมนูมื้อเย็นเป็นต้มยำกุ้ง
เพียงแต่คราวนี้ ไม่ลืมที่จะย้ำกับคุณลุงว่า ขอเป็นต้มยำกุ้งน้ำใส ไม่ใส่พริก สั่งอาหารเสร็จ เดินไปซื้อชานมไข่มุก (นี่ก็เจ้าประจำอีกเช่นกัน ซื้อกินแทบทุกวัน จนคุณน้องคนขายจำหน้าได้แล้ว) จากนั้นก็เดินหาโต๊ะนั่ง
หันไปมองหน้าร้านตามสั่งอีกครั้ง เห็นคุณแม่ครัวกำลังยกชามต้มยำกุ้งที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ออกมาวางตรงเคาน์เตอร์ ฉันจึงไม่รอช้า รี่เข้าไปหน้าร้าน ยกชามต้มยำที่ยังมีควันกรุ่นอยู่เหนือขอบชาม และเดินกลับมาที่โต๊ะ
ลืมบอกไป อาหารที่ฉันสั่งเป็นแบบชุด ข้าวไข่เจียว+ต้มยำกุ้ง นี่ได้ต้มยำมาแล้ว ระหว่างรอไข่เจียวที่กำลังทอด หันกลับมามองต้มยำกุ้งบนโต๊ะ อูยยยย...น่ากินมาก เห็นมันกุ้งสีแดงอมส้ม ลอยอยู่เหนือผิวน้ำประปราย พร้อมเห็ดฟาง เห็ดโคนญี่ปุ่น และผักชีฝรั่งหั่นโรยหน้า เอื๊อก...กลืนน้ำลายลงคออย่างด่วน
รอไม่นานนัก ข้าวไข่เจียวก็พร้อมเสิร์ฟ จากนั้นก็ถึงเวลาที่ฉันได้ชิมรสชาติของต้มยำกุ้งน้ำใส เมื่อใช้ช้อนตักน้ำต้มยำขึ้นชิม ฉันจึงได้เห็นว่า แม่ครัวใส่หอมแดงบุบหัวเล็กๆ เพิ่มมาในชามด้วยสองสามหัว นี่มันต่างจากทุกครั้งที่ได้กินเลยสินะ
ทันทีที่น้ำต้มยำเข้าปาก ลิ้นรับรู้รสเรียบร้อย โอว...ไม่น่าเชื่อว่าหอมแดงลูกเล็กๆ สองสามหัว สามารถทำให้ต้มยำกุ้ง มื้อเย็นของฉันนัวได้ถึงขนาดนี้ มันมีทั้งความหอมละมุนลิ้น รสชาติก็แสนจะกลมกล่อม ซดคำแรกลงคอ จากนั้นก็ซดไม่หยุด ถือเป็นต้มยำกุ้งมิติใหม่ของทางร้านเลยทีเดียว
สงสัยเป็นเพราะวันนี้ที่ร้านเปลี่ยนแม่ครัวล่ะมั้ง จากคุณน้องแม่ครัวหน้าใส กลายมาเป็นคุณพี่แม่ครัววัยกลางคน สูตรใครก็สูตรคนนั้น รสมือแต่ละคน ย่อมแตกต่างกัน
ต้มยำกุ้ง สูตรคุณน้อง มีรสชาติเปรี้ยวนำ ซดแล้วจี๊ดใจ แต่ต้มยำกุ้งจากคุณพี่แม่ครัวในวันนี้ ได้ความหวานธรรมชาติจากหอมแดง แม้ความจี๊ดอาจลดระดับไปบ้าง แต่กลับได้ความละมุนลิ้นเพิ่มขึ้น
เชื่อไหมว่า ฉันติดใจรสต้มยำกุ้งชามนี้ จากฝีมือคุณพี่แม่ครัวเอามากๆ ถึงขนาดต้องเอียงชาม ตักซดอย่างเอร็ดอร่อย เรียกว่าซดหมดจนหยดสุดท้ายเลยล่ะ
จบมื้อเย็นในวันนี้ ฉันก็เลยฟินมาก ประหนึ่งได้รับพลังงานชดเชยจากเรี่ยวแรงที่หมดไปกับการกวาดถูบ้าน
ต้มยำกุ้งนัวๆ ข้าวสวยร้อน และไข่เจียว แค่นี้แหละที่ต้องการ
Source
Comments
Post a Comment