เนื่องจากหลายวันก่อน อยากกินไก่ย่างห้าดาวมาก แต่ไม่มีโอกาสออกไปซื้อ จะกดสั่งทางโทรศัพท์ ก็ลังเลใจ เพราะอยากจะไปซื้อด้วยตัวเอง ได้ไปสั่งหน้าตู้ไก่ มันจะได้ฟีลกว่า
หลังจากฝนหยุดตกในช่วงบ่ายแก่ๆ ฉันเลยรีบโบกพี่วินไปหน้าปากซอย พอถึงที่หมาย ออกเดินอย่างมุ่งมั่น สายตาเล็งไปที่ตู้ขายไก่ คิดมาจากบ้านแล้วว่าวันนี้จะสั่งอกไก่อบชานอ้อย และไก่ย่างพริกไทยดำ เอามากินให้หนำใจไปเลย
อาจเป็นเพราะเวลาที่ออกไปซื้อ มันใกล้ช่วงเย็นรึป่าวก็ไม่รู้ พอบอกคุณป้าคนขายว่าจะเอาอกไก่อบชานอ้อย ป้าตอบกลับมาว่าไม่มีแล้ว ได้ยินอย่างนั้น ฮือ...ใจสลาย อยากกินแต่ไม่ได้กิน เป็นอะไรที่ทรมานความรู้สึกและกระเพาะจริงเชียว
ยังดีนะ ที่ป้ามีไก่ย่างพริกไทยดำไว้ให้ฉัน ไม่อย่างนั้น การออกนอกบ้านในคราวนี้ คงเป็นอะไรที่ผิดหวังเอามากๆ ได้ไก่ย่างมาอยู่ในมือเรียบร้อย ฉันก็รีบโบกพี่วิน ให้พาไปส่งที่ตลาดแถวบ้าน แวะซื้อข้าวสวยหนึ่งจานจากร้านข้าวแกง เสร็จแล้วก็หาที่นั่ง นี่แหละ ดินเนอร์ของฉันในวันนี้
เปิดห่อฟอยล์สีเงินที่หุ้มตัวไก่ออก รู้สึกว่าไก่ไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ อย่ามากเรื่องน่า กินๆ เข้าไปเหอะ ดีกว่าไม่มีไก่กินแหละเนอะ รีบใช้ช้อนส้อมฉีกเนื้อไก่ ตักเข้าปาก อืม...มันคือรสชาติที่แสนจะคิดถึง รสชาติไก่ย่างห้าดาวที่ไม่ได้กินมาหลายสิบปี
นี่ถ้าได้กินอกไก่อบชานอ้อยด้วยนะ โห...รับรองต้องฟินกว่าเดิมอีกหลายเท่า อกไก่นี่อาหารโปรดของฉันตอนประถมเลย มานึกดูก็ขำ ตอนนั้นยังเด็ก เลยคิดเอาเองว่า เจ้าอกไก่อบชานอ้อย คือ การนำเนื้อไก่ผสมกับอ้อย คลุกเคล้าเข้ากัน จนได้ออกมาเป็นไก่ที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นแท่งๆ อยู่ในตู้ พอชี้บอกคนขายว่าต้องการซื้อ คนขายก็สับเจ้าไก่ผสมอ้อยให้เป็นชิ้นๆ
โอย...คิดถึง อยากกินจัง เดี๋ยวคราวหน้าต้องไม่พลาด จะขอกลับไปชิมอกไก่อบชานอ้อย เมนูในวัยเด็กที่โปรดปรานให้จงได้
อร่อยหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ได้กินเพื่อรำลึกความหลัง มันก็แฮปปี้แล้ว
ป.ล. ภาพประกอบ ไม่ใช่ไก่ย่างห้าดาวนะจ๊ะ
Source
ภาพประกอบ: Photo by Public Domain Pictures from Pexels
Comments
Post a Comment