ดินสอไม้และกบเหลา


เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ด้านขวาของโต๊ะวางทีวี เป็นมุมที่พ่อจ๋าทำการติดตั้งกบเหลาดินสอเอาไว้ โดยกบเหลาเครื่องนั้น ถูกยึดติดกับโต๊ะด้วยน็อตพิเศษที่แนบมาด้วยกันกับตัวเครื่อง

เวลาต้องการเหลาดินสอ เพียงแค่เดินมาที่โต๊ะ ใส่ดินสอเข้าไปในเครื่อง จับด้ามหมุน และเริ่มเหลา โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเคลื่อนที่ไปไหน (ก็ตัวเครื่องถูกยึดเอาไว้กับโต๊ะแล้วไง) สะดวกและมั่นคงกว่าการเหลาแบบเดิมๆ ที่ต้องใช้มือข้างหนึ่งจับตัวเครื่องเอาไว้

ว่าด้วยการเหลาดินสอนั้น จะพูดว่าง่าย มันก็ง่าย แต่บางครั้งก็ดูเหมือนจะยาก ไม่ได้ดั่งใจซะที ใครเคยเหลาดินสอมาก่อน น่าจะพอเข้าใจความรู้สึกนี้ หากลงน้ำหนักมือที่ด้ามจับหนักไป ไส้ดินสออาจหักได้ง่ายๆ ในทางกลับกัน ถ้าหมุนด้ามจับเบาเกิน ดินสอก็จะไม่แหลมคม ไม่สวยงาม ดูแล้วไม่น่าหยิบจับมาใช้งาน

อืม...หนักไปก็เสียหาย เบาไปก็ไม่ดี แบบนี้การเหลาดินสอน่าจะถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งสินะ มันสอนผู้เหลาเกี่ยวกับความพอดี การลงน้ำหนักมือ จังหวะในการหมุนด้ามจับ การกะระยะเวลาในการเหลา ล้วนมีความสัมพันธ์กันทั้งสิ้น

ฉันชอบใช้ดินสอไม้ เมื่อจับดินสอเขียนไปได้สักระยะ บางครั้งมักสัมผัสได้ถึงความฝืดในการเขียน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะพื้นผิวของเนื้อดินสอที่ทำจากแกรไฟต์ มันเป็นชั่วขณะที่ฉันชื่นชอบ ชอบจนต้องชะลอเวลาในการเขียนให้ช้าลง เพื่อที่จะได้สัมผัสกับความรู้สึกฝืดได้นานขึ้น (โรคจิตมั้ยนี่)

เมื่อชั่วขณะแห่งความฝืดได้ผ่านพ้นไป ดินสอกลับมาเขียนลื่นดังเดิม ราวกับความมหัศจรรย์ได้จบลงไปด้วย ถือเป็นความสุขในแบบสั้นๆ ที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอจากการใช้ดินสอไม้

ความแหลมของดินสอก็มีผลต่อความรู้สึกเช่นเดียวกัน ดินสอไม้ที่ผ่านการเหลามาอย่างดีจนแหลมเฟี้ยว ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนในการหยิบมาใช้งาน อืม...แต่อาจไม่แน่เสมอไป น่าจะขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ใช้แต่ละคนด้วย สำหรับฉันแล้ว ดินสอไม้ที่เหลาจนแหลม จะให้ความรู้สึกมั่นใจ และสร้างความพอใจในการขีดเขียนมากกว่าดินสอที่ใช้จนปลายทู่

ช่วงเวลาที่ใช้ดินสอไม้บ่อยสุด ก็ตอนที่ฉันเป็นนักเรียนนั่นแหละ ยิ่งเมื่อถึงช่วงสอบกลางภาคและปลายภาค อุปกรณ์สำคัญที่นักเรียนทุกคนขาดไม่ได้ นั่นก็คือ ดินสอไม้ที่มีความเข้มในระดับ 2B ขึ้นไป มีไว้ทำไมน่ะเหรอ ก็เอาไว้ฝนคำตอบลงในกระดาษคำตอบที่เป็นช่องวงกลมน่ะสิ

ไม่ว่าจะชัวร์ในคำตอบหรือมั่วนิ่ม สิ่งที่ต้องทำก็คือ ฝน ฝน และฝนวนไปค่ะ แม้จะไม่แน่ใจในคำตอบก็ฝนไปเหอะ ฝนไปให้ครบทุกข้อ เผื่อว่าที่มั่วฝนไป มันอาจจะโป๊ะเชะ เป็นคำตอบที่ถูกก็ได้ (ฝันลมๆ แล้งๆ ซะจริง)

สำหรับเพื่อนที่มีนิสัยเรียบร้อย นอกเหนือไปจากเครื่องเขียนภาคบังคับอย่างดินสอ 2B แล้ว มักจะพกกบเหลาดินสออันเล็กๆ เข้าห้องสอบด้วย ประมาณว่าเผื่อใช้ดินสอทุกแท่งจนทู่ จะได้เหลาดินสอให้กลับมาแหลมเฟี้ยวดังเดิม แม้สุดท้าย กบเหลาดินสออาจไม่เคยถูกหยิบมาใช้งานในระหว่างการสอบเลยก็ตาม เข้าทำนองพกติดตัวไปด้วย เพื่อความอุ่นใจ ได้ใช้หรือไม่นั้น ไม่สำคัญ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ฉันพบว่าเพื่อนที่มีลักษณะนิสัยแบบที่ว่านี้ มักจะมีอุปกรณ์ช่วยชีวิตอื่นๆ ติดกระเป๋าไว้เสมอ อย่างเช่น แม็กเย็บกระดาษ (พร้อมไส้แม็ก) กรรไกร กาว คลิปหนีบกระดาษ ข้าวของจิปาถะต่างๆ อีกมากมาย แม้กระทั่งกระดาษทิชชู มันก็ยังมีนะ (แบกมาโรงเรียนทุกวัน หนักกระเป๋ามั้ยนั่น) เรียกว่าต้องการอะไร ให้ไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนคนนี้ ประหนึ่งโนบิตะไปร้องขอของวิเศษจากกระเป๋าสี่มิติของโดราเอมอน

ในขณะที่นักเรียนสายขี้เกียจบางคน (รวมฉันด้วย) จะใช้วิธีพกดินสอเข้าห้องสอบสองหรือสามแท่งเป็นอย่างน้อย กะไว้ว่าภายในระยะเวลาสอบไม่กี่ชั่วโมงนั้น ใช้ดินสอสลับกันไป มันก็คงยังไม่ทู่มากนักหรอก

เมื่อหมดเวลาสอบ ยื่นส่งกระดาษคำตอบคืนอาจารย์คุมสอบเป็นที่เรียบร้อย นักเรียนหลายคนอาจได้ของที่ระลึกจากการสอบติดมือมาด้วย เปล่า นี่ไม่ได้หมายถึงการขโมยตัวข้อสอบหรอกนะ แต่ของที่ระลึกน่ะ ก็อย่างที่บอกแหละ มันติดมือมาเลย ไม่เชื่อหรือ เหอะๆ ลองพลิกฝ่ามือดูสิ เห็นป่ะ ดำเป็นปื้นกันเลยทีเดียว

ตัดภาพมาปัจจุบัน ในวันที่ฉันก้าวพ้นจากความเป็นนักเรียน ไร้ซึ่งการสอบกลางภาคและปลายภาค ห้องสอบก็ดูจะเป็นอะไรที่ห่างไกลชีวิตประจำวันซะเหลือเกิน แต่บนโต๊ะเขียนหนังสือของฉัน ยังคงมีดินสอไม้ แหลมเฟี้ยวบ้าง ใช้งานจนทู่บ้าง วางปะปนกันในกระป๋องใส่ดินสอ

หากจะพูดในแง่ของความสะดวกในการใช้งาน ปากกาอาจจะเป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากกว่า แต่ในแง่ของความละมุนใจ อะไรก็เห็นจะสู้ดินสอไม้ไม่ได้ หยิบจับมาใช้เมื่อใด ได้หวนนึกถึงช่วงเวลาในรั้วโรงเรียนเมื่อนั้น

ว่าแต่ตอนที่ฝนคำตอบมั่วๆ ไปน่ะ มันโป๊ะเชะ ตอบถูกบ้างมั้ยล่ะ

ความเงียบเท่านั้นคือคำตอบที่ได้มา เป็นอันเข้าใจกันโดยไม่ต้องพูดนะ

Source
ภาพประกอบ: Photo by rawpixel.com from Pexels

Comments