ตำลึง เต้าหู้ หมู


นานมาแล้ว เมื่อคราวที่ยังเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่งในย่านศาลาแดง มีร้านข้าวเจ้าประจำที่ฉันมักจะไปอุดหนุนอยู่เสมอ ร้านที่ว่านี้ ตั้งอยู่ข้างทาง โดยทำเลที่ตั้งของร้านจะอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัล สีลมคอมเพล็กซ์

แค่เดินออกมาทางด้านหลังของห้าง มองไปด้านขวามือก็จะเจอร้านเจ้าประจำของฉันตั้งอยู่ริมทาง พร้อมโต๊ะ เก้าอี้ และร่มกันแดดคันใหญ่ที่ตั้งเอาไว้บริการลูกค้า มีคุณป้าคนขายผูกผ้ากันเปื้อนและสวมปลอกแขนกันแดด ยืนอยู่ด้านหลังรถเข็น คอยปรุงอาหารมือเป็นระวิง ซึ่งขอสารภาพว่าจนบัดนี้ ฉันก็ยังไม่รู้ว่าร้านของคุณป้ามีชื่อว่าอะไร (ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามีชื่อร้านหรือไม่)

อ้อ! ลืมบอกไปว่า คุณป้าเค้าขายแกงจืดตำลึง โดยลูกค้าสามารถเลือกสั่งได้ตามแต่ความชอบว่าอยากใส่อะไรบ้าง บางคนสั่งวุ้นเส้นเพิ่มเข้าไปด้วยก็มี สำหรับมนุษย์สายจืดชืดอย่างฉัน เมนูประจำทุกครั้งที่ไปกินร้านนี้ คือ ตำลึง เต้าหู้ หมูสับ ข้าวสวยหนึ่งชาม พร้อมน้ำเปล่าและน้ำแข็ง

องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ฉันติดใจจนกลายเป็นลูกค้าหน้าเดิมของคุณป้า นั่นก็คือเต้าหู้ ร้านของป้าจะใช้เต้าหู้ไข่ (ของโปรดฉันเลย) ต้องบอกว่าถูกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเวลาไปสั่งแกงจืดเต้าหู้หมูสับกินตามร้านทั่วไป ส่วนมากที่เจอจะเห็นแต่ใส่เต้าหู้ขาว ซึ่งฉันไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่ ก็เต้าหู้ไข่มันอร่อยกว่าตั้งเยอะ

แกงจืดของป้า หากตัดสินตามมาตรฐานของฉันแล้ว ถือว่ารสชาติอร่อย กลมกล่อม ใช้ได้เลยทีเดียว เวลากิน ตักหมูสับ ใบตำลึง และเต้าหู้หนึ่งชิ้นมาราดข้าว แล้วซดน้ำที่มีกลิ่นหอมของกระเทียมเจียวและพริกไทยตาม มันคล่องคอนักล่ะ

ยังคงจำได้ว่า เมื่อถึงเวลาช่วงพักเที่ยง ฉันจะต้องรีบจ้ำอ้าว เพื่อจะมากินแกงจืดตำลึงของป้า เนื่องจากตึกที่ทำงานกับร้านป้าอยู่ห่างกันพอสมควร บางครั้งเมื่อเดินมาถึงท่ามกลางแดดจัดจ้า ก็พบว่าโต๊ะถูกจับจองไปเกือบหมดแล้ว บางทีก็ต้องยืนรอจนกว่าลูกค้าที่มาถึงก่อนกินหมดแล้วลุกไป ฉันถึงได้นั่งกิน

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าร้านของป้าเป็นร้านที่ตั้งอยู่ริมถนน เวลากินก็จะได้ฟีลความ street food มาก มีทั้งพนักงานออฟฟิศเดินกันขวักไขว่ รวมไปถึงบรรดาพ่อค้า แม่ค้า และร้านค้าอื่นๆ ที่ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณนั้น มีทั้งร้านน้ำปั่น ร้านขนม และร้านเสื้อผ้า ให้อารมณ์ประมาณ one stop service กินข้าวเสร็จ ซื้อน้ำกลับไปกินที่ทำงานต่อ เออใช่ ต้องซื้อขนมด้วยนี่นะ เอ๊ะ! เสื้อผ้าร้านนั้นก็น่าสน ลองเข้าไปดูหน่อยดีกว่า นี่แหละหนา การบริหารเวลาพักหนึ่งชั่วโมงของพนักงานออฟฟิศ มันก็จะต้องใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าจนหยดสุดท้าย

นอกเรื่องอีกแระ กลับมาที่อาหารกลางวัน นั่งซดแกงจืดไป พร้อมกับการซับเหงื่อที่ไหลไปด้วย อืม...อากาศก็ร้อนอยู่แล้ว พอกินแกงจืด มันก็ยิ่งร้อนเข้าไปอีก แต่ ณ จุดนั้น อากาศร้อนทำอะไรฉันไม่ได้ เพราะความอร่อยของแกงจืดป้า ชนะขาดลอย

ด้วยความที่ป้ารับหน้าที่ทำอาหารและขายอยู่คนเดียว ช่วงพักกลางวันที่มีลูกค้าเยอะ ป้าจึงวุ่นมาก แค่ทำอาหารก็แทบจะไม่ทันแล้ว ป้าเลยต้องมีคนช่วยรับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร รวมถึงคอยเก็บตังค์ พูดง่ายๆ คือทำหน้าที่ทุกอย่างแทนป้า ยกเว้นก็แต่การทำอาหาร

โดยผู้ช่วยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่วินมอเตอร์ไซค์ที่คาดว่าคงขับให้บริการอยู่ละแวกนั้นนั่นแหละ ฉันไปอุดหนุนร้านป้าอยู่บ่อยๆ จนพี่วินพอจะจำหน้าได้บ้าง และสุดท้ายก็จำเมนูประจำของฉันได้ด้วย เรียกว่าเห็นหน้าฉัน แกก็พูดขึ้นมาว่า ตำลึง เต้าหู้ หมู พร้อมกับเดินไปสั่งกับป้า จากนั้นไม่นาน พี่วินคนเดิมก็ถือชามแกงจืดมาเสิร์ฟ ตามด้วยข้าวสวยหนึ่งชาม น้ำเปล่าหนึ่งขวด และน้ำแข็งหนึ่งแก้ว หุหุ เพียงพี่มองตา ก็รู้ใจฉันสินะ

บางครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ฉันไปกินแกงจืดตำลึงแสนอร่อยร้านป้าตั้งสองสามวัน กินแบบเดิมๆ ซ้ำอยู่อย่างนั้นไม่มีเบื่อ จนเวลาผ่านไปอีกหลายปี ย้ายที่ทำงานไปแล้ว ฉันก็ยังคงกลับมากินแกงจืดร้านป้าอยู่ (โชคยังดีตรงที่บริษัทใหม่อยู่ไม่ไกลจากร้านป้ามากนัก ทำให้ฉันพอจะเดินทางมากินได้แบบไม่ลำบาก)

แม้แถวศาลาแดงจะมีร้านอาหารน่าอร่อยอยู่มากมาย แต่แทบทุกครั้งที่ฉันมีธุระไปเยือนแถบนั้น เป็นต้องไปอุดหนุนร้านป้า ล่าสุดที่ไปเยือน ฉันไม่เห็นพี่วินหน้าเดิมคนนั้นอีกแล้ว ไม่รู้แกยังคงขับให้บริการผู้โดยสารแถบนั้นอยู่มั้ย แต่ผู้ช่วยคนใหม่ของป้าก็ยังเป็นพี่วินอยู่ดี

แกงจืดตำลึงฝีมือป้า แม้จะไม่ใช่อาหารเลิศหรู ทำเลที่ตั้งร้านก็ไม่ได้เย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ แต่รสมือป้านั้นช่างติดตรึง และทำให้ศาลาแดง กลายเป็นสถานที่พิเศษในความทรงจำของฉัน

ภาพของพี่วินคนเดิมยกชามแกงจืดมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ คุณป้าที่สาละวนกับการปรุงอาหารอยู่หลังรถเข็น หนุ่มสาวออฟฟิศเดินสวนกันไปมา พ่อค้า แม่ค้าที่ตะโกนขายสินค้ากันโหวกเหวกในช่วงพักเที่ยง ยังคงเด่นชัด ราวกับเหตุการณ์เหล่านั้น เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน

เป็นความวุ่นวาย เร่งรีบที่นึกถึงขึ้นมาครั้งใด ก็ชวนให้ฉันอบอุ่นใจเสมอ

Source

Comments