แซลมอนละมุนใจ


จากการโพสต์เรื่องอาหารการกินติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายวัน คิดว่าวันนี้คงเปลี่ยนไปเขียนเรื่องอื่นบ้าง แต่ก็นะ ยังคงมีเหตุให้ต้องเขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารอยู่ดีนั่นแหละ

สำหรับเรื่องราวในวันนี้ ไม่ได้เป็นการแนะนำร้านอาหารเหมือนกับโพสต์ก่อนหน้า แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความเผือกของฉันนั่นเอง อืม...ถ้าพูดในรูปสุภาพ มันก็คือการเฝ้าแอบมอง สังเกตความเป็นไปรอบตัวแบบเงียบสงบ เออ! แบบนี้ค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย

เรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่ฉันกำลังนั่งดูดชานมไข่มุกอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ที่โต๊ะกินข้าว ตาก็คอยมองดูผู้คนที่มานั่งทานอาหารเย็นบริเวณใกล้เคียงไปด้วย เพลินกับการเคี้ยวไข่มุกหนึบหนับอยู่สักพัก โต๊ะด้านหน้าก็ถูกจับจองโดยย่า-หลานคู่หนึ่ง

เห็นคุณย่าจับจูงหลานชายตัวน้อยในวัยประถมมานั่งที่โต๊ะ เมื่อจัดแจงให้หลานชายนั่งเรียบร้อย ย่าจึงเดินไปสั่งอาหารให้หลานที่ร้านขายอาหารญี่ปุ่น คาดว่าหลานคงบอกไว้แล้วล่ะว่าต้องการกินอะไรเป็นมื้อเย็น

อาจเป็นเพราะช่วงเวลานั้น เพิ่งจะพ้นเวลาเลิกงานได้เพียงไม่นาน คนยังไม่ค่อยมานั่งทานข้าวเย็น ย่า-หลานคู่นั้นจึงดึงดูดความสนใจของฉันต่อไปได้ (อย่ามาอ้าง อยากเผือกเรื่องคนอื่นต่อก็สารภาพมาเหอะ)

นั่งดูดชานมไปหลายอึก คุณย่าก็เดินถือถาดอาหารกลับมาที่โต๊ะ เมื่อฉันแอบเหล่ดูที่ถาด จึงได้เห็นข้าวกับปลาแซลมอนสีส้ม พร้อมมิโซะซุปควันฉุย เอื๊อก...น่ากินจัง

ทันทีที่คุณย่าวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ฉันคาดว่าเจ้าหลานชายคงรีบหยิบช้อนส้อม เตรียมตัวกินมื้อเย็นอย่างตื่นเต้น อ้าว! ไม่เป็นอย่างที่คาด เพราะเจ้าหลานไม่ได้ลงมือกินทันที เพียงแค่มองอาหาร ถามไถ่นู่นนี่นั่นกับคุณย่า จากนั้นก็เดินมาหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าของย่า ซึ่งฉันเดาว่าคงเป็นโทรศัพท์ย่าอีกนั่นแหละ (นี่ก็ยังตามเผือกไม่เลิกนะ)

ด้วยความสงสัยว่าทำไมได้อาหารมาแล้ว หลานยังไม่รีบกิน ฉันเลยแอบสังเกตต่อไปอีกหน่อย เห็นคุณย่าหยิบช้อนส้อมขึ้นมา ลอกหนังปลาออก จากนั้นก็เริ่มหั่นเนื้อปลา ค่อยๆ คลุกปลาผสมกันกับข้าว ตักซอสเทอริยากิราดลงไป และคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง

จบกระบวนการทั้งหมดแล้ว คุณย่าจึงเลื่อนจานข้าวไปให้หลานชาย พร้อมวางถ้วยน้ำซุปไว้ข้างกัน เจ้าหลานที่กำลังกดมือถือของย่าเล่นอยู่ เห็นดังนั้นแล้ว ก็หยุดพักจากการเล่นโทรศัพท์ หันมาจับช้อนส้อม ตักข้าวที่ผ่านการคลุกเข้ากันอย่างดีแล้ว เข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย

ฉันไม่แน่ใจนักว่า ข้าวแซลมอนเทอริยากิจานนั้นอร่อยหรือไม่ เพราะยังไม่เคยลองซื้อมากิน แต่ดูจากท่าทางการตักข้าวเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างต่อเนื่องของคนเป็นหลานแล้ว ฉันว่ารสชาติคงอร่อยใช้ได้เลยล่ะ

เหตุการณ์บนโต๊ะกินข้าวของย่า-หลานคู่นี้ ดูเหมือนจะธรรมดา อาจเป็นภาพที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกวัน ทว่า สิ่งที่เจ้าหลานวัยประถมยังไม่ตระหนัก นั่นก็คือ ข้าวจานนั้น อบอวลไปด้วยความรัก ความห่วงใยจากย่า

มือของย่าที่แกะเนื้อปลาเป็นชิ้นเล็กๆ พร้อมเฝ้ามองหาก้างปลาที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในปลาชิ้นนั้น คอยระมัดระวังไม่ให้ก้างติดไปกับเนื้อปลา ข้าวที่ย่าคลุกให้เข้ากันกับปลาเป็นอย่างดี ซอสเทอริยากิรสหวานลิ้นที่ราดลงไปบนข้าว เพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น

จวบจนเมื่อย่าเลื่อนจานข้าวไปตรงหน้าหลาน นั่นคือการส่งต่อความรัก รักที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทว่า รักนั้นสัมผัสได้ เป็นความรัก ความเอาใจใส่ ความนุ่มนวลที่แทรกอยู่ในเม็ดข้าว เนื้อปลา และซอสเทอริยากิที่ผ่านการคลุกเคล้าเข้ากันจากมือของย่า

ฉันยังคงเฝ้ามองหลานชายของคุณย่าตักข้าวเข้าปากไปเรื่อยๆ จากคำแรกจนคำสุดท้าย แน่นอนว่าชานมไข่มุกเพียงแก้วเดียว คงไม่ทำให้ฉันอิ่มท้อง แต่ฉันกลับได้ความอิ่มใจจากภาพความสัมพันธ์อันอบอุ่นระหว่างย่า-หลานคู่นั้น

เป็นการจบวันพุธกลางสัปดาห์ด้วยความละมุนใจ

Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels

Comments