ไม่น่าจะมีใครชอบป่วย วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความมึนเบลอ พร้อมกับอาการปวดเมื่อยตามตัว หนักหัวอย่างไรชอบกล เป็นความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยในยามตื่น ลุกจากเตียงแล้ว ความมึน เบลอ งง หนักหัวก็ยังไม่หายไป
ถึงเวลาคลุกข้าวให้ลูกรัก ก็ทำไปตามความเคยชิน จากนั้นก็เริ่มเดินตามหาลูกว่าไปซุกซ่อนตัวอยู่ที่ไหน เหมือนฟ้าไม่เป็นใจอะไรเช่นนี้ เพราะวันนี้เจ้าลูกน้อยหลบไปนั่งอยู่ใต้ท้องรถ โอย...ลูกจ๋า เห็นใจแม่บ้าง
ความที่มีอาการปวดหัวมาแต่เดิมอยู่แล้ว ฉันจึงไม่ค่อยอยากก้มลงไปสักเท่าไหร่ ยิ่งก้ม ยิ่งมึน ยิ่งแย่ แต่ไม่ว่าจะเรียกอย่างไร ลูกที่แสนดีก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนรักสัตว์ก็แล้ว เสียงเข้มขึ้นมาอีกนิดก็แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สุดท้าย ฉันก็ต้องก้มตัวลงไปดึงตัวลูกออกมา ปวดหัวจริงๆ
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเลื่อนจานข้าวไปไว้ตรงหน้า เจ้าลูกรักเกิดอาการดื้อ ไม่ยอมกินอาหารเช้า เดือดร้อนให้ฉันต้องหยิบอาหารเอามาป้อนใส่ปากอีก ทั้งป้อน ทั้งอ้อนวอนให้กินก็ไม่ประสบความสำเร็จ
เห็นดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจ อุ้มตัวลูกเข้าบ้าน พร้อมทั้งจับตัวไว้ไม่ให้เดินไปไหน ประมาณว่า ไม่กินใช่มะ ย่อมได้จ้ะลูก แต่ลูกก็อย่าคิดจะเดินไปไหนเลย เพราะแม่จะไม่ปล่อยตัวลูกไป จนกว่าลูกจะกินข้าวหมด
เจ้าลูกน้อยออกอาการดึงดัน ทำตัวแข็งอยู่สักพัก คงเริ่มตระหนักแล้วว่า ต่อให้ดิ้นยังไงก็ไม่หลุดไปจากกรงเล็บปีศาจแม่ไปได้ จึงตัดสินใจทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย (ซึ่งจริงๆ ลูกควรเชื่อฟังแม่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เรียกกินข้าวแล้วนะลูกจ๋า) ยอมกิน breakfast แต่โดยดี
จบเรื่องอาหารเช้า ต่อด้วยภารกิจซักผ้า โชคดีหน่อยที่วันนี้แดดแรง ทำให้ฉันไม่ต้องคอยกังวลเรื่องผ้าที่ตาก พอจะมีเวลาได้นอนพักสายตาโดยที่ไม่ต้องระแวงว่าผ้าจะเปียกฝนหรือไม่
นอนไปสักพัก อาการก็ยังไม่ดีขึ้น จนตัดสินใจหยิบยาแก้ปวดมากินหนึ่งเม็ด จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนต่อ วนเวียนอยู่ในลูปความมึนอึนไปครึ่งค่อนวัน ตื่นขึ้นมา ปวดหัวน้อยลงแล้ว แต่ความมึนเบลอก็ยังไม่หมดไป แขนขาก็ยังคงปวดเมื่อย
สรุปแล้ววันนี้ก็ป่วยไปซะ สงสัยก่อนเข้านอน คงต้องกินยาแก้ปวดดักไว้อีกเม็ดแน่ๆ หวังว่าพรุ่งนี้ อาการทุกอย่างจะหายไป กลับมาสดชื่น พลังเต็มเปี่ยมเหมือนเดิม
Source
ภาพประกอบ: Photo by Burst from Pexels
Comments
Post a Comment