มันจะมีเพลงอยู่ประเภทหนึ่งที่เมื่อฟังแล้ว ทั้งท่วงทำนอง น้ำเสียงผู้ร้อง และอารมณ์เพลง ได้สลักอยู่ในความทรงจำของฉัน แบบที่ต่อให้เวลาผ่านไปยาวนานเพียงใด ไม่ว่าใครนำมาร้องใหม่ ก็ไม่สามารถลบความรู้สึกจากต้นฉบับที่ติดตรึงอยู่ในใจฉันไปได้
รักยืนยง จากปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว เป็นหนึ่งในเพลงประเภทที่ฉันได้กล่าวไปข้างต้น ไม่แน่ใจว่าผู้ฟังท่านอื่นจะเคยรู้สึกแบบฉันกันบ้างหรือไม่ แต่สิ่งที่ฉันสัมผัสได้เสมอเมื่อฟังเพลงพี่ปั่น คือความอบอุ่น
ด้วยเนื้อเสียงนุ่ม ละมุน ต่อให้เป็นเพลงเศร้า มันก็ยังเป็นความเศร้าที่นุ่มนวลในแบบพี่ปั่น ลองฟังเพลงรักยืนยงเป็นตัวอย่างดูก็ได้ เนื้อหาของเพลงไม่ใช่ความรักแบบสุขสมหวัง แต่เป็นการเฝ้าคิดถึงรักครั้งเก่า และวอนขอให้ความรักนั้นยังคงอยู่
แค่เสียงกีตาร์จากท่อนอินโทรก็กินขาดแล้ว “แต่วแต๊ว แตวแต๊วแตวแต่วแตว แตวแต๊วแตวแต่วแตว...แต๊ว แตวแต๊วแตวแต่วแตว” (มั่นใจนะว่าแฟนเพลงพี่ปั่นต้อง get กับความอินโทรนี้)
เมื่อบวกกับน้ำเสียงของพี่ปั่น ทำให้ทุกถ้อยคำในบทเพลงยิ่งฟังดูมีความหมาย มีน้ำหนัก ฟังแล้วซาบซึ้ง ตรึงจิต ประทับใจมิรู้ลืม
ประโยคที่กินใจฉันมากที่สุด คือ “รัก ฉันนั้นมอบแด่เธอ...เท่านั้น แล้ว...เธอเก็บรักให้ใคร” มันนุ่มนะ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีความเสียดแทงใจ หน่วงและเศร้า ฟังแล้วทั้งสงสาร ทั้งจุก (เปล่าค่ะ นี่ไม่ได้กินเยอะจนอิ่มเกิน เค้าเรียกว่าอินไปกับบทเพลง)
อีกหนึ่งประโยคที่ยิ่งฟังยิ่งอิน นั่นก็คือ “ถ้าเธอพบกับรักใหม่ ดวงใจของฉันปวดรวดร้าว” จะบอกว่าเวลาที่เพลงบรรเลงมาถึงท่อนนี้ ฉันจะนึกถึงหลัก grammar ในวิชาภาษาอังกฤษทุกครั้งไป เป็นไง เก๋ดีมะ ฟังเพลงไทย แต่ได้ทบทวนไวยากรณ์อังกฤษไปในตัว
ขอให้โฟกัสไปที่สามคำท้ายอย่าง “ปวด-รวด-ร้าว” นี่เป็นตัวอย่างของความเจ็บปวดในแบบ ปวด-ปวด der-ปวด dest (หลักไวยากรณ์บ้าอะไร วายป่วงจริง) เวลาร้องสามคำนี้ ฉันจะรู้สึกฟินมาก ใส่อินเนอร์เข้าไปให้มันเยอะๆ กำมือให้แน่นขึ้นทีละนิดในขณะที่เปล่งเสียงร้องแต่ละคำ พร้อมกับหลับตา ซึมซับอารมณ์ ความรู้สึกตอนร้องเพลง
โอย...อินอย่างแรง เพลงจบ ลืมตามาอีกที หันมองซ้าย-ขวา แล้วยกมือเสยผมแก้เขินไปหนึ่งครั้ง (ประมาณว่าตะกี้ทำอะไรลงไป ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ นะ) จากนั้นก็กลับมา keep cool สู่ความสำรวม สงบ เงียบ เรียบร้อยดังเดิม
สร้างภาพเป็นงานถนัดของเรา
Source
Comments
Post a Comment