ข้าวต้มกระดูกหมู


ลืมเล่าไปเลยว่าอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันได้กินเมนูใหม่ ฝีมือคุณน้าเชฟอีกแล้ว โดยเมนูสุดอร่อยคราวนี้ก็คือ ข้าวต้มกระดูกหมู บอกแบบนี้แล้ว บางคนอาจคิดว่า แล้วมันใหม่ยังไง ออกจะธรรมดาทั่วไป ใครๆ ก็กินกันทั้งนั้น

ช้าก่อน ท่านทั้งหลาย ฉันกำลังจะบอกอยู่นี่แหละว่า สิ่งที่ทำให้เมนูธรรมดานี้มีความพิเศษขึ้นมาได้ เป็นเพราะวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอย่างใบโหระพาไงล่ะ สำหรับมนุษย์ผู้ไม่นิยมกินผักแบบฉัน โหระพา ถือเป็นหนึ่งในผักจำนวนน้อยนิดในโลกใบนี้ที่ฉันสามารถกินได้โดยหน้าตาไม่บูดเบี้ยว

ตามปกติแล้ว เมนูอาหารที่มีโหระพาเป็นส่วนประกอบที่ฉันเคยกินมา ได้แก่ หอยลายผัดเต้าเจี้ยว สปาเก็ตตีหอยลาย (อืม...โหระพามักจะมาคู่กันกับหอยลายสินะ)  พอได้ยินคุณน้าบอกว่าจะทำข้าวต้มใส่ใบโหระพา ฉันนี่หูผึ่ง เตรียมตัวรอทานเลย

ขั้นตอนที่ดูเหมือนจะยุ่งยากสุดในการทำ น่าจะเป็นการเคี่ยวกระดูกหมูให้เปื่อยนี่แหละ ต้องมีความอดทน รอเวลา เพื่อให้เนื้อหมูเปื่อยจนได้ที่ เพราะถ้าใช้เวลาต้มน้อยเกินไป หมูจะยังเหนียว เคี้ยวลำบาก และพลอยทำให้รสชาติไม่อร่อย

เมื่อเนื้อหมูสุกได้ที่แล้ว คุณน้าก็ตักน้ำซุปพร้อมกระดูกหมูส่วนหนึ่ง แยกมาใส่อีกหม้อ พร้อมกับใส่ข้าวสวยที่หุงสุกแล้วลงไป ต้มให้ข้าวและน้ำซุปกระดูกหมูเข้ากัน เมื่อผสมเข้ากันดีแล้ว จากนั้นก็ใส่ใบโหระพาลงไปในหม้อต้ม กะเวลาให้ใบสลดนิดหนึ่ง จึงตักทุกอย่างใส่ชาม ปิดท้ายด้วยการโรยกระเทียมเจียวเหลืองกรอบ เหยาะพริกไทยอีกนิด เติมซีอิ๊วอีกหน่อย แล้วแต่ความชอบใจของแต่ละคน

เพียงเท่านี้ ก็ได้ชิมข้าวต้มกระดูกหมูใบโหระพาสุดอร่อยกันแล้ว ตักเข้าปาก อืม...อุ่น หอม ฟิน ดีเลิศประเสริฐศรี น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม กระดูกหมูเปื่อยยุ่ย ข้าวก็อร่อย ที่สำคัญคือกลิ่นหอมของใบโหระพาที่ใส่ผสมในข้าว มันดีจริงๆ นะ

ฉันกินชามแรกหมดอย่างรวดเร็ว จนต้องขอคุณน้าให้ผลิตชามที่สองตามมาโดยไว นับเป็นการเปิดโลกการกินข้าวต้มแบบใหม่ที่อร่อย อุ่นท้อง และหอมฟิน

ใครที่ยังไม่เคยทานเมนูนี้ แนะนำให้ลองไปทำทานกันดูนะ คุณอาจจะดัดแปลงสูตร เปลี่ยนจากกระดูกหมูมาเป็นหมูสับก้อนดึ๋งๆ ก็ยังได้ หรือจะเป็นข้าวต้มปลาก็น่าจะดีเหมือนกัน

โอย...พูดแล้วก็หิวขึ้นมาเลยเนี่ย เดี๋ยวต้องไปค้นตู้เย็นดูว่าวันนี้มีวัตถุดิบอะไรให้ฉันเอามาทำเป็นอาหารกลางวันบ้าง แต่คาดว่าอาจจะไม่พ้นเมนูไข่อีกนั่นแหละ (ไข่ยังไม่หมดตู้เย็น)

Bon Appétit! ทานอาหารให้อร่อยกันนะทุกคน

ป.ล. อร่อยเพลินจนลืมถ่ายรูปอาหารมาให้ดูกันเลย สงสัยคงต้องรอคราวหน้าซะแล้ว

Source
ภาพประกอบ: Photo by abhishek gaurav from Pexels

Comments