หนึ่งในความสามารถพิเศษของฉัน คือ การว่ายน้ำ อืม...ไม่แน่ใจว่ายังจัดว่าเป็นสิ่งพิเศษหรือไม่ เพราะในยุคนี้ คนส่วนมากล้วนว่ายน้ำเป็นกันทั้งนั้นนั่นแหละ แต่ช่างเหอะ เอาเป็นว่าฉันว่ายน้ำเป็นก็แล้วกัน
เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ไปแล้วว่า แม่จับฉันและน้องไปเรียนว่ายน้ำตั้งแต่เราสองคนยังเป็นเด็ก แต่สิ่งที่ยังคงสร้างความกังขาให้กับฉันมาจนทุกวันนี้ นั่นก็คือ เหตุไฉนแม่จึงต้องเลือกเวลาเรียนให้ลูกน้อยทั้งสองตอนบ่ายโมงตรง เป็นคุณแม่ขาโหดหรืออย่างไร แม่รู้หรือไม่ว่าลูกจะต้องผจญกับสายน้ำท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงปร้าง
แต่ก็อย่างว่าแหละ ตอนนั้นน่ะ ทั้งฉันและน้องต่างก็ยังเป็นเด็ก เราทั้งคู่ไม่ได้ใส่ใจหรือมัวมากังวลห่วงสวยกันหรอกว่า รังสี UV ในเวลาบ่ายโมง จะโหดร้ายต่อผิวหนังมนุษย์โลกตัวน้อยอย่างพวกเราสักแค่ไหน แม่ให้ไปเรียนเวลานั้น ลูกน้อยหอยสังข์ก็เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่มีปากเสียง ยอมไปเรียนแต่โดยดี
เริ่มเรียนกันตั้งแต่การวอร์มร่างกายก่อนลงสระ นั่งตีขาอยู่ตรงขอบสระ จากนั้นเริ่มลงไปสัมผัสน้ำในสระ เกาะขอบสระว่ายน้ำ ฝึกการหายใจทางปาก หันมาว่ายโดยใช้โฟมช่วยพยุงตัว จนในที่สุด เมื่อเริ่มหายใจคล่องแล้ว คุณครูผู้สอนจึงให้ลองว่ายเองโดยไม่มีโฟมช่วย
แน่นอนว่ากระบวนการทั้งหมดนี้ ล้วนต้องใช้พลังงานในร่างกายแทบทั้งสิ้น เรียนเสร็จแต่ละที ราวกับโดนสูบพลังงานไปจนหมด ขึ้นจากสระมา ความหิวก็บังเกิด ต้องไปหาซื้ออะไรมากินเพิ่มพลังกันซะหน่อย
โชคดีที่สระว่ายน้ำที่แม่ส่งพวกเราไปเรียน มีร้านขายขนม รวมทั้งอาหารเล็กๆ น้อยๆ และน้ำดื่มไว้บริการด้วย อาหารประจำของเด็กๆ วัยฉัน หนีไม่พ้นพวกมาม่า ไวไว ที่เลือกกินอาหารสำเร็จรูปพวกนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอก มันสะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง
ฉันชอบมากเลยนะ เพราะปกติอยู่บ้าน ไม่ค่อยได้กินของพวกนี้เท่าไหร่ ผู้ใหญ่บอกแต่ว่ามันไม่มีประโยชน์ แต่แหม...ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุน่ะสิ เมื่อโอกาสงามๆ ลอยมาอยู่ตรงหน้า มีหรือที่ฉันกับน้องจะไม่รีบคว้าไว้
พวกเรามักจะอ้อนแม่ ทำตัวสำออยแบบเด็กๆ บ่นว่าหิวจัง ขอกินมาม่าหน่อยนะแม่จ๋า…please…eee ลากเสียงยาวๆ พร้อมทำตาปริบๆ ขอความเห็นใจ อาจเป็นเพราะในยุคนั้น ยังไม่มีร้านสะดวกซื้อแทบทุกซอยเหมือนสมัยนี้ แม่คงเล็งเห็นแล้วล่ะว่า ถ้าไม่ให้ลูกกิน ลูกก็คงไส้ขาดเป็นแน่แท้ จึงอนุญาตให้ลูกไปซื้อมาม่ากินได้
เมื่อแม่อนุมัติ เราสองคนไม่รอช้า กำเงินแล้วรีบวิ่งแจ้นไปยังร้านขายของ ชี้นิ้วเลือกมาม่ารสชาติที่ชอบที่เรียงรายอยู่ในตู้กระจกใส พร้อมจ่ายเงินให้กับคุณพี่พนักงานประจำร้าน แล้วเฝ้ารอที่จะได้กินด้วยความตื่นเต้นตาเป็นประกาย
มาม่าฝีมือคุณพี่ ไม่ได้มีอะไรพิเศษเลย เพียงแค่ฉีกซอง เทมาม่าใส่ชามพลาสติกรูปตัวการ์ตูนแบบที่มีฝาปิด ตามด้วยการเทซองกระเทียมเจียวและเครื่องปรุง แล้วคุณพี่ก็กดน้ำร้อนจากกระติกใส่ลงไปในชาม เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ ไม่มีเนื้อสัตว์หรือผัก เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารใดๆ ทั้งสิ้น ประมาณว่าแค่นี้ก็หรูแล้วน้อง อย่าเรื่องมาก กินๆ เข้าไปเถอะจ้ะ
จากนั้นฉันและน้องก็ได้รับมอบอาวุธประจำกายอย่างช้อนส้อม และพากันเดินถือชามการ์ตูนของตัวเองกลับมาที่โต๊ะอย่างระมัดระวัง รอเวลาให้เส้นบะหมี่สุกด้วยความหิวโหย บางครั้งหิวจัด ยังไม่ทันถึงกำหนดเวลา ก็เปิดฝาออกมากินแล้ว รสชาติมาม่าในวันนั้น มันก็จะกรึบๆ กึ่งสุกกึ่งดิบ แต่ไม่เป็นไร หิวขนาดนั้น ถึงเส้นจะไม่สุก 100% มันก็ยังอร่อยอยู่ดีนั่นแหละ
สองคนพี่น้อง นั่งโซ้ยกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ริมสระ กินเสร็จ วิ่งเอาชามและช้อนส้อมไปคืนคุณพี่ที่ร้านตามเดิม และวิ่งกลับมาหาแม่ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ จากนั้นก็นั่งรอให้อาหารในท้องได้ย่อยสักพัก แล้วค่อยลงสระอีกรอบ เพื่อว่ายทบทวนบทเรียนที่เรียนในวันนั้นเป็นการปิดท้าย
นอกจากมาม่าชามการ์ตูนแล้ว ก็ยังมีบรรดารถเข็นที่ขายลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอกปิ้ง เกี๊ยวทอดที่มาตั้งขายอยู่ด้านนอกสระน้ำด้วย อู๊ย...นี่ก็ของชอบของฉันเลยล่ะ ไหนจะลูกชิ้นปิ้งเกรียมนิดๆ กินแล้วอุ่นท้อง ไหนจะไส้กรอกแดงๆ ที่ไม่ค่อยมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายสักเท่าไหร่ แล้วยังมีเกี๊ยวกรอบไส้ (วิญญาณ) หมู หูย...อร่อยเด็ดห้าดาวทุกอย่าง
นี่ยังมีรถเข็นขายซาลาเปาด้วยนะ ฉันชอบมองเวลาคนขายคีบซาลาเปาอุ่นๆ ในลังออกมาใส่ถุงพลาสติก แล้วยื่นส่งให้ลูกค้า รู้สึกเหมือนได้รับความอบอุ่นเล็กๆ หลังจากที่ต้องเปียกไปทั้งตัวจากสายน้ำผสมคลอรีน
การได้กัดกินซาลาเปาเนื้อนุ่ม มีความอุ่นพอประมาณ อืม...มันฟินมาก ซาลาเปาไส้หมูสับนี่อร่อยสุดแล้ว หมูหมักเนื้อนุ่มรสเข้มข้นที่มีความชุ่มฉ่ำ พร้อมน้ำปรุงรสจากเนื้อหมูที่ซึมอยู่ในแป้งซาลาเปา ฮือๆ แค่บรรยายก็น้ำลายไหลแล้ว
การเรียนว่ายน้ำในช่วงนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความตื่นเต้นจากการได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และความหิวโหยในการทุ่มเทพลังงานไปกับการตีแขนตีขา ออกลีลาท่าทางในสระน้ำอย่างเต็มที่
นับว่ามาม่าไร้วิตามินและโปรตีนในชามการ์ตูน ลูกชิ้นปิ้ง ไส้กรอกปิ้ง เกี๊ยวทอดหมูบางเบา และซาลาเปาไส้หมูสับอุ่นๆ ล้วนเป็นแหล่งเติมพลังให้กับฉัน อร่อยถูกปาก อิ่มอกอิ่มใจ และแฮปปี้ฝุดๆ
เมื่อท้องอิ่ม ก็ได้เวลาที่เด็กผู้หิวโหยอย่างฉันจะกลายร่างเป็นเงือกจิ๋ว พร้อมสำหรับการวิ่งลงไปดี๊ด๊า ดีดแขนขาในสระต่อไปอย่างร่าเริง
Source
ภาพประกอบ: Photo by Mae Mu (@picoftasty) from Unsplash
Comments
Post a Comment