อยากจะขอ


ขณะนี้แถวบ้านฉันฝนตกหนักมาก สิ่งที่มักจะมาพร้อมกับสายฝน นั่นก็คือ เสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า แน่นอนว่ารอบนี้ก็ไม่พลาด มาเลยจ้า เปรี้ยง เปรี้ยง โอย...ตกแบบฮาร์ดคอร์แล้ว ยังจะมีการตะเบ็งเสียงข่มขู่กันอีก

ปัญหาที่ตามมากับเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เห็นจะเป็นพฤติกรรมของเจ้าหมาน้อย ลูกรักของฉันนี่แหละ เริ่มตั้งแต่การเดินกระวนกระวาย วนเวียนไปมา จากนั้นก็พยายามปีนป่าย พาตัวเองขึ้นไปตามเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในบ้าน เช่น โซฟา ชั้นวางโทรทัศน์ เป็นต้น

อืม...ก็แปลกดีนะ แทนที่เวลากลัว จะหาที่กำบังตัว มุดเข้าไปอยู่ใต้โต๊ะ เก้าอี้ แต่เจ้าลูกรักกลับเลือกโผเข้าหาที่โล่งแจ้งซะงั้น ไอ้การปีนป่ายเฟอร์นิเจอร์น่ะ ยังไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่ที่พีคสุดและสร้างความลำบากให้ฉันอย่างมาก คงจะเป็นอาการน้ำลายหยดติ๋งๆ นี่แหละ

ความถี่ของหยดน้ำลาย แปรผันโดยตรงกับความวิตกกังวล ยิ่งกลัวมากเท่าไหร่ เจ้าหมาน้อยก็ยิ่งมีน้ำลายหยดออกมาเยอะเท่านั้น ใช้กระดาษตามซับกันแทบไม่ทัน ไหนจะพื้นที่มีแต่น้ำบ่อน้อยของลูกรัก หยดกระจัดกระจายเต็มบ้าน รอเวลาให้ฉันมาทำความสะอาดต่อจากนี้อีก เฮ้อ...แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว

เห็นอาการกระวนกระวาย วิตกจริตของเจ้าหมาน้อยอย่างนี้แล้วก็รู้สึกสงสาร ต้องคอยไปกอดมันไว้ สรรหาคำพูดมาปลอบให้เจ้าลูกรักหายกลัว ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ขามันก็ยังคงสั่นพั่บๆ หางจุกตูด น้ำลายพากันมาสุมที่ปาก และในที่สุดก็หยดติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง

วีรกรรมยุ่งๆ ของเจ้าลูกรักในยามฝนตกยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะในระหว่างที่แม่มัน (จะใครล่ะ ก็ฉันนี่ไง) ใช้วงแขนโอบกอด พยายามเต็มที่ในการทำให้ลูกรักคลายกังวล เจ้าตัวแสบกลับส่งเสียงประท้วง สะบัดตัว และดิ้นรนตะเกียกตะกายออกจากอ้อมกอดอันไร้ประสิทธิภาพ

เอาล่ะสิ จากโหมดอ่อนโยน โทนเสียงอ่อนหวาน (แกมีโทนเสียงนี้ด้วยเรอะ) แม่อย่างฉันจำเป็นต้องใช้เสียงเข้มขึ้นอีกระดับ เพื่อตักเตือนลูกรักไม่ให้ดื้อและซนมากไปกว่านี้ ประมาณว่าแม่ไม่ไหวแล้วนะลูกจ๋า หยุดดิ้น หยุดทำน้ำลายหยดซะทีเหอะนะ คุณแม่ขอร้อง! (โถๆๆ ได้ร้องแน่จ้ะแม่จ๋า ร้องไห้ไงจ๊ะ)

อาการกลัวฝนฟ้าคะนองของเจ้าลูกรักจะหยุดได้ก็ต่อเมื่อฝนซาลงหรือหยุดตกแล้วนั่นแหละ ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น แม่ผู้อ่อนโยนแบบฉันก็หมดพลังอย่างสิ้นเชิง และยังได้ของแถมที่ไม่ต้องการ ในรูปของน้ำบ่อน้อยจากลูกรักที่เลอะตามตัว พร้อมรอยข่วน รอยถลอกเป็นของขวัญพิเศษ ถือเป็นประสบการณ์ดีๆ ควรค่าแก่การจดจำ

เล่าไปเล่ามา จนตอนนี้ฝนเริ่มซาแล้ว ลูกรักก็เงียบเสียงและดูสงบลงไปได้หน่อย ค่อยยังชั่วเนอะ เอ่อ...แต่พื้นห้องล่ะแก ฮือๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปหมด ราวกับผืนผ้าใบที่ถูกแต่งแต้มด้วยหยดน้ำบ่อน้อย

นี่อุตส่าห์บรรยายให้มันดูติสท์ๆ นะ เผื่อจะได้มองเป็นผลงานศิลปะชิ้นโบว์แดงไง (ศิลปะบ้าบออะไรกัน นี่มันเข้าข่าย “ศิลเปรอะ” มากกว่านะ)

ฝนตกคราวหน้า ฉันคงต้องหยิบเพลง “อยากจะขอ” จากพี่บอย โกสิยพงษ์ มาสะกดจิตตัวเองแล้วมั้งเนี่ย จะได้ไม่สติหลุดไปกับความศิลเปรอะจากลูกรัก

เลอะเทอะแค่ไหน มองให้มันเป็นศิลปะซะ จะได้ละมุนใจ

พร้อมกันนั้นก็ร้องเพลงอ้อนวอนต่อฟ้าฝนไปด้วยว่า
“อยากจะขอ อยากจะขอ อยากจะขอให้ฟ้าผ่ามาเสียงเบาหน่อย
เปรี้ยงดังอย่างนี้ ลูกฉันไม่แคล้ว ติ๋ง ติ๋ง หยดน้ำบ่อน้อย
ให้ฉันคอย ตามเช็ดไง
เอาอีกแล้ว หยดมาแล้ว หยุดได้ไหม ไม่ต้องผ่าเปรี้ยงอีกแล้ว ฟ้าจงเห็นใจ
เลอะไปมากกว่านี้ ประเดี๋ยวจะเช็ดไม่ไหว
ให้ฉันได้ทำใจ เจ็บแขนแค่ไหน เก็บรอยข่วนไว้ ไม่เคยบ่น”

แน่ใจรึว่าไม่บ่น แล้วที่มาพร่ำเพ้อนี่คืออะไร จงอธิบาย

Source
ภาพประกอบ: Photo by melisa valentin from Pexels

Comments