วันหนึ่ง


จากที่เมื่อวานได้พูดถึงเพลง (กึ่ง) อกหัก แต่ฟังไม่เศร้ากันไปแล้ว สำหรับบทเพลงในวันนี้ อาจให้อารมณ์ในขั้วตรงข้ามอยู่สักหน่อย เป็นเพลงเก่าที่ยังคงมีความไพเราะและถูกใจฉันทุกครั้งที่ได้ฟัง

“วันหนึ่ง” ผลงานเพลงของอดีตนางแบบผิวแทนสวย ยู่ยี่ อลิสา อินทุสมิต ซึ่งเนื้อหาของเพลง บอกเล่าถึงการได้พบเจอกับชายในฝัน เกิดเป็นความรัก ซึ่งเปรียบได้กับฝันที่กลายมาเป็นความจริง สัมผัสและจับต้องได้

ท่วงทำนองเพลงจะดำเนินไปอย่างช้าๆ พร้อมเนื้อร้องที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเย้ายวน และเมื่อขับร้องโดยคุณยู่ยี่ อาจจะด้วยภาพลักษณ์สวยเฉี่ยวของเธอ เมื่อมาบวกกับถ้อยคำในบทเพลงนี้แล้ว ทำให้ยิ่งทวีความรู้สึกวาบหวามใจมากขึ้นไปอีก

เนื้อร้องในท่อนที่ว่า “สัมผัสของเธอ จื๊อ ดือ ดือ...ทำให้ฉันกลายเป็นคนพิเศษ ไออุ่นของเธอ ฉื่อ ดือ ดือ จื๊อ ดือ ดือ...แทรกในส่วนลึกของวิญญาณ” แสดงให้เห็นถึงการเลือกใช้ภาษาที่มีความสละสลวย นอกจากผู้ฟังจะสัมผัสได้ถึงความรัก ความอบอุ่นแล้ว ยังแฝงความเซ็กซี่ไว้ในบทเพลงอีกด้วย

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้บทเพลงนี้มีความน่าสนใจ อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ ความรู้สึกที่ได้จากการฟังเพลง มันจะดูย้อนแย้งนิดๆ ชวนให้สับสนหน่อยๆ ว่าสรุปแล้ว ฉันควรจัดเพลงนี้ไว้ในหมวดหมู่ไหนดี จึงจะเหมาะสม

หากพิจารณาในส่วนเนื้อหาของเพลง นี่เป็นเพลงรัก ซึ่งเป็นความรักที่สมหวังด้วยนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันเปิดเพลงนี้ฟัง ทำไมถึงรู้สึกหน่วงและเศร้าเล็กๆ ภายในจิตใจก็ไม่ทราบได้

เป็นเพลงที่ฟังแล้ว ต้องคอยย้ำกับตัวเองว่า นี่คือเพลงรักในแบบแฮปปี้นะเฟร้ย ไม่ใช่เพลงรักในโหมดอกหัก ชอกช้ำใจ ยังดีหน่อยที่เมื่อฟังเพลงไปจนถึงช่วงท้าย ได้ยินประโยคทรงพลังอย่าง “เธอมีความรักที่คงอยู่ไปชั่วกาล จับมือฉันให้นาน...เพราะฉันเป็นของเธอ”

ด้วยประโยคนี้ล่ะค่ะ ใจฉันจึงกลับมาสดใส ประหนึ่งมีดอกไม้สีสวยบานอยู่รอบตัว เหมือนอย่างที่ในเพลงเค้าว่าไว้ ราวกับได้รับพลังแห่งรักจากบทเพลงมาขับกล่อมจิตใจให้เบิกบาน

วันหนึ่ง จึงเป็นบทเพลงที่มีเสน่ห์และลึกลับ ฟังแล้วจะรู้สึกได้ถึงความก้ำกึ่ง เป็นความเศร้าปนสุข เศร้าแต่ก็ไม่สุด สุขแต่ก็ไม่เต็มที่ ใครอยากสัมผัสกับความรู้สึกกึ่งๆ ที่ว่านี้ ขอแนะนำให้ไปลองฟังเพลงนี้กันดู เมื่อได้ฟังแล้ว คุณอาจจะเข้าใจความรู้สึกที่ฉันกำลังพร่ำพรรณนาให้อ่านอยู่ในขณะนี้

เอ่อ แต่ถ้าไม่เข้าใจ ก็กลับไปเปิดเพลงโปรดของคุณฟังต่อเถิด ฉันคงรบกวนเวลาอันมีค่าของคุณเพียงเท่านี้แหละ (กลัวเค้าด่าล่ะเซ่)

Source
ภาพประกอบ: Photo by Lucas Allmann from Pexels

Comments