แบบสุขกึ๋น


ในบรรดาเพลงมากมายที่ฉันเคยได้ฟังมา แน่นอนว่าต้องมีบางเพลงที่รู้สึกชอบเป็นพิเศษ บางเพลงที่พอฟังได้เรื่อยๆ และบางเพลงที่อาจจะไม่ใช่แนวของฉันสักเท่าไหร่นัก และกับบางเพลงนั้น ต้องบอกว่าเป็นความพิเศษของพิเศษ เป็นเพลงประเภทที่เมื่อได้ฟัง ฉันจะรำพึงรำพันกับตัวเองว่า โอ้ตัวเรานั้น ช่างโชคดีเหลือเกินที่รู้จักเพลงนี้

เมื่อสองทศวรรษกว่าๆ ที่ผ่านมา มีบทเพลง “พิเศษของพิเศษ” อยู่หนึ่งเพลงที่ตราตรึง ติดแน่นอยู่ในใจฉัน โดยเพลงนี้ ออกมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 ยุคที่ดนตรีแนว alternative บูมเป็นอย่างมากในหมู่แฟนเพลงชาวไทย (มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าสาวก alter ในยุคนั้น จะต้องมีภาพพี่ป๊อด กระโดดไปมาบนเวที พร้อมร้องว่า “บุษบาเกิดมากับความสดใส” แน่นอน)

ส่วนเพลงพิเศษสุดในช่วงเวลานั้นสำหรับฉัน คือ “แบบสุขกึ๋น” ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม “โยกหัว” จากไทร็อก ต้องบอกว่า เพียงแค่ได้ยินชื่อเพลง ก็เล่นเอาฉันฉงนใจแล้วล่ะ นี่มันเพลงประเภทไหนกันเนี่ย แล้วทำไมถึงได้ตั้งชื่อแปลกประหลาดอะไรเช่นนี้

ทว่า เมื่อได้ฟังจนจบเพลง ฉันก็ไม่แปลกใจกับชื่อเพลงอีกต่อไป นี่เป็นเพลงที่เพราะมาก คือฟังแล้วไม่ใช่แค่กึ๋นเท่านั้นหรอกที่รู้สึกมีความสุข แทบทุกส่วนในร่างกาย ตั้งแต่เส้นผม หู ตา จมูก ปาก สมอง หัวใจ ตับ ไต ม้าม ปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ไขสันหลัง ถุงน้ำดี มดลูก นิ้วมือ นิ้วเท้า ต่อมไร้ท่อ หลอดเลือด กระดูก ไปจนกระทั่งไส้ติ่ง ล้วนมีความสุขกันถ้วนหน้า (เอ๊ะ! แต่แกไม่มีไส้ติ่งแล้วนี่)

แบบสุขกึ๋น เป็นเพลงเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่มีความโดดเด่นด้วยเสียงสูงจากกีตาร์ เมื่อรวมกับจังหวะที่ไม่หนักหน่วงจนเกินไปของเสียงกลองในช่วงเริ่มแรก ทำให้ฉันค่อยๆ ทำความรู้จักและซึมซับท่วงทำนองของบทเพลงในแบบไม่เร่งรีบ

หากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ น่าจะประมาณว่า ฉันกำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่ง เมื่ออ่านไปเรื่อยๆ ก็ได้ค้นพบว่า เรื่องราวมีความเข้มข้นและชวนให้ติดตามมากขึ้นตามลำดับ

เนื้อร้องในเพลง เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันประทับใจ โดยใช้การบอกเล่าเรื่องราวแบบง่ายๆ สื่อสารเป็นคำพูดออกมาจนผู้ฟังเห็นภาพได้อย่างชัดเจน องค์ประกอบสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ นั่นก็คือ เสียงร้องของคุณมศักดิ์ เตกวี ศิลปินผู้ขับร้องเพลงนี้

ต้องบอกว่าเขาผู้นี้เป็นศิลปินที่มีเสียงโดดเด่น ด้วยเนื้อเสียงใสกิ๊ง ประกอบกับการใช้โทนเสียงสูง ทำให้เขาร้องเพลงได้ชวนฟัง ที่น่าแปลกคือ เนื้อหาในเพลงน่ะ ถือว่าเป็นแนว (เหมือนจะ) อกหัก กินแห้วนั่นแหละ แต่ทำไมเวลาฟังเพลงนี้ทีไร ฉันกลับรู้สึกรื่นเริงบันเทิงใจนักก็ไม่รู้สิ

เป็นเพลงที่ชวนให้ผู้ฟังต้องร้องตามตั้งแต่ต้นจนจบ และตกอยู่ในโหมดโลกนี้แสนจะสดใสจริงหนอ พร้อมรอยยิ้มสดชื่น ประมาณว่า ถึงเธอผู้นั้นจะมีคนรู้ใจอยู่แล้ว ก็แล้วยังไงล่ะ ฉันคนนี้ก็ยังคงเฝ้ารอคอย และอยากเห็นรอยยิ้มของเธออยู่เสมอ

อารมณ์จากการฟังเพลง มันจะไต่ระดับความฟินขึ้นเรื่อยๆ และจะบอกว่า นี่เป็นหนึ่งในบทเพลงที่มีท่อนโซโลกีตาร์ที่โดนใจฉันอย่างแรง ฟังทีไรก็ยังคงรู้สึกว่ามันเพราะมาก ประทับใจมาก อินมาก

ตั้งแต่เสียงแหลมสูงของกีตาร์ตอนเริ่มเพลง ความหนักหน่วงของเสียงกลองที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วยังได้เสียงอันมีเสน่ห์จากนักร้อง ชวนให้ติดตามเข้าไปอีก รวมถึงมีท่อนโซโลกีตาร์ที่โดนใจฉึกๆ ทั้งหมดที่กล่าวมา จึงทำให้เพลงนี้เป็นอะไรที่ “พิเศษของพิเศษ” อยู่ในใจฉันเรื่อยมา

เปิดฟังเพลงนี้ครั้งใด จะต้องร้องคลอไปอย่างมีความสุข และเมื่อเพลงดำเนินมาจนถึงท่อนจบที่ว่า “ได้โปรดเถอะยิ้ม...ให้ฉัน ทุกวันขออ้อนวอน ฉันคงได้ฝันดีทั้งคืน” ฉันจะเกิดความอิ่มเอมใจไปกับบทเพลงเสมอ

ก็อย่างที่บอกไปตอนต้นเรื่องนั่นแหละ ไม่ว่าจะผ่านไปกี่สิบปี ความรู้สึกของฉันที่มีต่อบทเพลงในตำนานนี้ ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือ คิดว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่มีโอกาสได้รู้จักเพลงเจ๋งๆ แบบนี้

ซาบซึ้ง ตรึงจิต happy ตั้งแต่เส้นผม จนจรดเล็บเท้า!

Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels

Comments