เมื่อวานนี้ ฉันเข้าร้านหนังสือ (อีกแล้ว) และพากลับบ้านมาทั้งหมดสามเล่ม ซึ่งหนึ่งในสามเล่มนั้นนั่นแหละ เป็นสาเหตุของภารกิจติดพัน เปิดอ่านแล้วติดหนึบไปกับเรื่องราวในหนังสือ แบบว่าถ้าอ่านไม่จบ คงกระวนกระวายใจจนนอนไม่หลับแน่ๆ
เพียงแค่เห็นหน้าปกสวยๆ ก็ทำเอาฉันติดใจแล้ว ก็อย่างว่าแหละ ฉันมักจะพ่ายแพ้แก่สิ่งสวยงามเสมอ ห้ามใจไม่อยู่ ของมันต้องซื้อ แหะๆ ผิด! แต่จะว่าไป หน้าปกโทนพาสเทลสวยหวาน ก็ทำใจบางอยู่เหมือนกันนะ ส่วนเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันเลือกหยิบ “พรหมยิหวา” ผลงานการเขียนจากนวตา เป็นเพราะสนใจเรื่องราวฉบับย่อที่ได้อ่านจากปกหลัง
ในครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่องราวคร่าวๆ ทำให้ฉันคาดเดาเอาเองว่า “จิณณ์” น่ะ น่าจะแอบชอบ “ยิหวา” อยู่แน่ๆ สงสัยอยากจะอยู่ใกล้ๆ นางเอก เลยต้องแอ๊บ ทำตัวเป็นเพื่อนสาว จาก “จิณณ์” เลยกลายเป็น “จินนี่” ซะงั้น
ทว่า อ่านไปยังไม่ทันพ้นบทแรก อ้าว! ไอ้ที่เดาเอาไว้ก่อนหน้านี้ เห็นจะไม่ใช่ซะแล้ว แล้วมันยังไงกันหว่า ด้วยความที่อยากรู้เรื่องราวว่ามันเป็นไงมาไงกันแน่ ฉันก็เลยนั่งอ่านต่อไปด้วยใจลุ้นระทึก
จะบอกว่านิยายเรื่องนี้ สามารถทำให้ฉันอ้าปากร้อง เอ๊ะ! อ้าว! เฮ้ย! ด้วยความผิดคาดอยู่หลายครั้งหลายหน จากที่คาดการณ์ไว้ว่าเรื่องราวมันน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ที่ไหนได้ อ่านไปมากขึ้นเท่าไหร่ คุณจะพบว่า ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มีความหักมุมในหักมุม
บางครั้งเมื่อนึกภาพตามคำพูดที่นักเขียนบรรยายไว้ในหนังสือ ทำให้ฉันต้องระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คืออ่านแล้วเห็นภาพชัดเลยไง อ่านไป ขำไป สติหลุดเพียงลำพัง ในขณะเดียวกัน ฉันก็ต้องสวมวิญญาณนักสืบไปด้วย เพราะเกิดสะกิดใจกับคำพูดบางประโยคของตัวละคร พร้อมกับคิดไปด้วยว่า เอ...หรือนี่จะเป็นการทิ้งเบาะแสบางอย่างให้กับผู้อ่านกันนะ เอ๊ะ! หรือจะเป็นแค่ความฟุ้งซ่านของฉันเท่านั้น อ่านเอง สับสนเอง เหอะๆ
ยิ่งอ่านไปมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งรู้สึกสงสารพระเอกมากขึ้นเท่านั้น ได้เศร้า เสียใจไปพร้อมกับเขา ราวกับร่วมอยู่ในเหตุการณ์ (อินเกินล่ะเซ่) รวมทั้งรู้สึกตื้นตันไปกับการกระทำหลายๆ อย่างของพระเอกที่ทำให้นางเอก ได้รับรู้ว่าเขามีความห่วงใยและคอยเฝ้ามองนางเอกอยู่เสมอ รับรองว่าอ่านแล้วจะต้องเห็นใจและเอาใจช่วยเขาคนนี้ อะแฮ่ม...คุณพระเอกคะ หันมาหน่อยค่ะ จะบอกว่าทางนี้กำลังเชียร์อย่างออกนอกหน้าอยู่นะ สมหวังซะทีสิ
ตัวละคร “จินนี่” ที่เป็นผู้สร้างเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มให้ฉัน ทั้งจากอาการคลั่งไคล้ Lady Gaga และบูชาเจ๊แม่ Madonna หรือจะเป็นการได้เรียนรู้ศัพท์แสงแบบฉบับเก้ง ไม่ว่าจะเป็น ‘ตั้งเตา’ ‘คันธมาส’ หรือ ‘ซุงแหล’ เป็นต้น ในทางกลับกัน จินนี่คนเดียวกันนี้ก็สามารถทำให้ฉันน้ำตาซึมไปกับคำพูดและการกระทำของเธอได้อย่างง่ายดาย
พรหมยิหวา จึงเป็นนิยายที่ทำให้ฉันประทับใจ ทั้งในส่วนของพล็อตเรื่องที่น่าติดตาม คำพูด การกระทำของตัวละคร รวมไปถึงข้อคิด ซึ่งเป็นสัจธรรมชีวิต ที่นักเขียนได้สอดแทรกเอาไว้ เพื่อให้ผู้อ่านได้ตระหนักและย้ำเตือนกับตัวเองอยู่เสมอ
นี่ยังไม่นับการหักมุมหลายต่อหลายครั้งที่ทำเอาฉันต้องอุทานซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกนะ ทั้งหมดนี้ ทำให้ฉันคิดว่า ตัดสินใจถูกแล้วล่ะที่ลองซื้อหนังสือเล่มนี้มาอ่าน คุ้มค่าเงินจริงๆ
อันที่จริง ผลงานเล่มก่อนหน้านี้ของนวตา ฉันก็ซื้อเก็บมาหมักบ่มไว้พักหนึ่งแล้วนะ (คาดว่าถ้าดองนานกว่านี้ ได้กลายเป็นไวน์แน่) ไม่ว่าจะเป็น เพชรไร้กะรัต ดวงใจไพลิน และบ่วงบริมาส แต่จนบัดนี้ ฉันก็ยังไม่ได้อ่านสักเล่ม
จากที่ติดใจลีลาการเขียน พรหมยิหวา ที่เพิ่งอ่านจบไปสดๆ ร้อนๆ วันนี้ฉันก็เลยลองเข้าไปอ่าน เพชรไร้กะรัต ที่นักเขียนลงออนไลน์เอาไว้ อ่านไปได้ประมาณสองบท รู้สึกว่าน่าสนใจ ใช้ได้เลยล่ะ เดี๋ยวคงได้ฤกษ์ เปิดตู้หนังสือ หยิบออกมาอ่านในเร็ววันนี้แล้ว
เอาเป็นว่าถ้าฉันได้อ่านผลงานเล่มอื่นๆ อีกเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกทีแล้วกัน แต่ที่มั่นใจเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้คือ ฉันได้เพิ่ม นวตา เข้าไปในรายชื่อนักเขียนที่ตัวเองต้องติดตามผลงานอย่างต่อเนื่องอีกหนึ่งคนแล้วสินะ
ภาพประกอบ: Photo by Rakicevic Nenad from Pexels
Comments
Post a Comment