วันนี้มีโอกาสไปกินบุฟเฟต์ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งสมัยก่อนคุณน้าเชฟเคยเป็นสมาชิกของโรงแรมแห่งนี้ และเคยพาสมาชิกในบ้านไปทานมื้อสุขสันต์หรรษากันที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ
ตอนวัยรุ่น วัยแห่งการเจริญเติบโต ช่วงนั้นกินอะไรเข้าไป ระบบเผาผลาญในร่างกายยังทำงานได้ดี (ดีกว่าช่วงนี้มาก) ทำให้กินได้เยอะ กินอะไรก็อร่อยไปทุกอย่าง enjoy eating กินไป ยิ้มอย่างมีความสุขไปด้วย
ตัดภาพมาที่ปัจจุบันที่ฉันเริ่มก้าวเข้าสู่วัยดึกเข้าไปทุกที สามารถรู้สึกได้ในวันนี้เลยว่าระบบเผาผลาญในร่างกาย แม้จะยังคงทำงานได้ดี แต่ก็น่าจะด้อยประสิทธิภาพกว่าในช่วงวัยรุ่น
เป็นธรรมดาที่เมื่อเห็นภาพอาหารเรียงรายอยู่มากมาย ทุกสิ่งอย่างล้วนดูน่ากินด้วยกันทั้งนั้น ฉันจะต้องดีอกดีใจ พุ่งตัวเข้าไปตักอย่างดี๊ด๊า จานแรกที่ตักมานั่งกินที่โต๊ะจึงมีปริมาณอาหารมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งอาหารทะเลปิ้งย่าง ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หอยเชลล์ ปลากระพง salmon พ่วงด้วยไส้กรอกชีส
นับรวมๆ แล้ว กินกุ้งย่างเข้าไปประมาณสองสามไม้ หอยเชลล์ครึ่งทัพพี ปลากระพงสองชิ้น salmon อีกหนึ่ง ไส้กรอกชีส 2 อัน แล้วก็ยังมีอาหารอื่นๆ อีก เช่น ฮะเก๋าไส้กุ้ง แฮมรมควันสองชิ้น มันฝรั่งย่างสามชิ้นใหญ่ (กินไปทำไม มันเป็นคาร์โบไฮเดรต ตัดกำลังมาก แกไม่รู้เรอะ) ซาลาเปาไส้ครีมหนึ่งลูก (นี่ก็ตัดกำลังเช่นกัน แกนี่ควรไปเข้าคอร์ส การกินบุพเฟต์อย่างมีประสิทธิภาพนะ)
ตามมาด้วยของหวานอย่างมูสผลไม้ คุกกี้หนึ่งชิ้น จิ๊กส้มโอจากจานคุณน้าเชฟมากินหนึ่งกลีบ ไอติมชาเขียวหนึ่งลูก ที่เด็ดคือไอติมรสส้ม yuzu กินแล้วตาสว่างขึ้นมาทันที เปรี้ยว จี๊ดจ๊าด สะใจวัยดึกมากค่ะ เลยฟาดไปซะสองลูก
นี่ไม่ได้นับ lobster ตัวใหญ่สีสวย ของอภินันทนาการจากทางโรงแรมให้กับลูกค้าที่มาทานทุกโต๊ะนะ เพราะว่าฉันไม่ค่อยชอบรสชาติของชีสผสมมัสตาร์ดที่โปะมาบนตัวกุ้ง (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคือชีสและมัสตาร์ดรึป่าว) เลยขอยกให้คุณน้าเชฟไป
คือจะบอกว่า รู้สึกอืดตั้งแต่กินอาหารทะเลปิ้งย่างหมดไปสองจานแรกแล้วล่ะ หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่ละเลียดกินของหวานแบบค่อยเป็นค่อยไป อ้อ! ที่จริงฉันไปเท sparkling รสผลไม้มาดื่มด้วยนะ กะเอามาดื่มให้ซาบซ่า ได้รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ จากผลไม้ มากินตัดเลี่ยนจากอาหารคาวบ้าง
ที่ไหนได้ รสชาติ sparkling ของที่นี่ อย่างกับเบียร์ ซดไปอึกแรก แทบอยากบ้วนทิ้ง (เป็นคนไม่ชอบดื่มเบียร์ไง) เลยต้องไปพึ่งน้ำส้มคั้นแทน แต่ก็ต้องผิดหวังเล็กๆ อีกรอบ เพราะไม่ใช่น้ำส้มคั้นสด ฮือ...แย่จัง
กินบุฟเฟต์ครั้งนี้ ทำให้ฉันตระหนักเลยว่า ตัวเองคงไม่เหมาะกับอะไรแบบนี้อีกต่อไปแล้ว คือแทนที่จะกินแล้วมีความสุข กลายเป็นกินแล้วรู้สึกทรมาน อึดอัด ยิ่งเมื่อได้เห็นราคาอาหารมื้อนี้ เอาแค่ส่วนที่เป็นค่าบริการกับภาษีมูลค่าเพิ่มก็น่าตกใจแล้ว
เอาเป็นว่า ต่อไปถ้าใครชวนไปกินบุฟเฟต์ (ซึ่งก็ไม่น่าจะมีใครมาชวนหรอก) คงจะต้องคิดสองสามตลบ ก่อนที่จะตัดสินใจตอบรับคำชวน ไม่อยากจะต้องมานั่งอึดอัดหลังจากจบมื้ออาหารไปอีกหลายชั่วโมงอีกแล้ว
อิ่ม อืด อึน คือ สามคำที่ฉันมีให้กับบุฟเฟต์วันอาทิตย์มื้อนี้
ป.ล. สืบเนื่องจากพิษสงของการนั่งจัดหนังสือในวันก่อน ทำให้ไร้เรี่ยวแรง หมดสภาพในการทำทุกสิ่งอย่างไปหนึ่งวันเต็มๆ วันนี้เลยมาโพสต์สองครั้ง ทดแทนในส่วนของวันที่ขาดไปนะจ๊ะ
Source
ภาพประกอบ: Photo by Ibrahim Boran from Pexels
Comments
Post a Comment