เมื่อวานนี้ ขณะกำลังสระผม ฉันเกิดนึกถึงเพลงหนึ่งขึ้นมาได้ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เนื่องจากเพลงที่ว่า เคยถูกนำมาใช้ประกอบโฆษณายาสระผมยี่ห้อหนึ่งนั่นเอง
สำหรับบทเพลงดังกล่าว ได้แก่ Unwritten ซึ่งขับร้องโดยศิลปินสาวชาวอังกฤษ Natasha Bedingfield เพลงนี้เป็นเพลงที่มีทำนองสนุกสนาน ได้ยินแล้วอยากจะลุกขึ้นมาร้องและกระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะของเพลงเลยล่ะ
ฉันชอบเนื้อหาของเพลงที่เปรียบเทียบชีวิตคนกับการเขียนหนังสือ ฟังแล้วชอบ มันดูใช่ กับเนื้อเพลงที่บอกว่า “I am unwritten. Can’t read my mind. I’m undefined.”
ประโยคต่อมาก็ยิ่งดีไปอีก “I’m just beginning, the pen’s in my hand, ending unplanned.” แบบได้ฟังสองประโยคนี้ ทำให้รู้สึกดีนะ ประมาณชีวิตเป็นของเรา จะขีดเขียนเนื้อเรื่องออกมาแบบไหน ล้วนขึ้นอยู่กับตัวเราเอง
อืม...จะว่าไป เพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่เหมาะจะร้องตอนอาบน้ำนะ คิดดูสิ พอถึงท่อนฮุค อาบน้ำไป ปากก็ร้องเพลงนี้ไปด้วย “Feel the rain on your skin. No one else can feel it for you. Only you can let it in.” โห! อะไรจะเข้ากับบรรยากาศได้แบบนี้ ฟีลมั้ยล่ะแก แหงสิ น้ำจากฝักบัวสาดเข้าหน้ามาเต็มๆ สดชื่นจัง
สรุปคือฟังเพลงนี้แล้ว จะสดใส มีพลังบวก สามารถเพิ่มเข้าไปในหมวดหมู่เพลงที่ควรฟังขณะอาบน้ำ ใครอยากอินขึ้นอีก ฟังตอนสระผม แล้วจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกโฆษณาแชมพูไปเลยก็ได้
พูดถึง Natasha Bedingfield บางคนอาจจะทราบมาบ้างแล้วว่า เธอมีพี่ชายคือ Daniel ซึ่งเป็นนักร้องเช่นเดียวกัน เพลงดังของ Daniel ที่หลายคนคุ้นหู น่าจะเป็นเพลงช้าซึ้งๆ อย่าง If You’re Not the One นี่แหละ
เหมือนจะจำได้ว่า ครั้งแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ ไม่ได้ติดอกติดใจอะไรมากมายเท่าไหร่ แต่ไม่รู้ทำไม ฟังไปแล้วถึงนึกชอบขึ้นมาได้ เนื้อเพลงนี่เข้าขั้นเลี่ยนเลยนะ แต่เป็นความเลี่ยนทียังพอรับได้อยู่ (มั้ง)
ส่วนที่ทำให้ฉันก้าวข้ามผ่านความลังเลใจ และความก้ำกึ่งว่าจะชอบเพลงนี้ดีหรือไม่ชอบดี ก็ตรงท่อนฮุคนี่แหละ ฟังแล้วมันพีคจัง ไม่เชื่อลองร้องดูดิ
“I don’t want to run away but I can’t take it. I don’t understand.
If I’m not made for you then why does my heart tell me that I am?
Is there any way that I can stay in your arms?”
ได้ร้องท่อนนี้แล้ว อารมณ์มันจะพีคขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงตอนท้ายที่ขึ้นเสียงสูงนี่แบบอินมาก (ว่าแต่ตอนร้องเพลงนี้อยู่เนี่ย แกคิดถึงใครกัน พระเอกเกาหลีในมโนใช่มะ สารภาพมาเหอะ)
ถ้าท่อนฮุคว่าพีคแล้ว ประโยคที่ทำให้ฉันรู้สึกตกหลุมรักเพลงนี้แบบจังๆ น่าจะเป็นตรงที่ว่า “I hope I love you all my life.” มันจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล ทั้งในน้ำเสียงของผู้ร้อง และในความหมายของเพลงด้วย ลองไปฟังกันดูสิ อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีใครรู้สึกแบบเดียวกับฉันบ้างมั้ย
ฟังสองเพลงนี้แล้ว ทำให้เกิดความสงสัยว่า ความสามารถในการร้องเพลงนี่มันเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์มั้ยนะ ประมาณว่าถ้าคนพี่ร้องเพลงเพราะ แล้วคนน้องก็น่าจะร้องเพราะเช่นเดียวกัน อะไรแบบนี้น่ะ
แล้วแบบนี้ ที่เคยได้ยินแม่ร้องเพลงแล้วชอบใช้เทคนิคดำน้ำเนี่ย จะสามารถนำมาอนุมานได้ว่าทักษะในการร้องเพลงของฉัน น่าจะเป็นแบบเดียวกันกับแม่หรือไม่หนอ (หุหุ อันนี้ไม่ขอตอบละกัน ให้ผู้อ่านไปเดาเล่นๆ เอาเองดีกว่า)
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment