จากโพสต์ก่อนหน้าที่พูดถึงเพลงผู้สาวขาเลาะไปเรียบร้อยแล้ว งั้นโพสต์นี้ก็ขอพูดถึงอีกหนึ่งเพลงลูกทุ่งที่โด่งดังไม่แพ้กันซะหน่อย แบบว่าไหนๆ ก็มาทางลูกทุ่งแล้ว ก็ขอเล่าให้เสร็จสิ้นไปเลยละกัน (แปลได้ว่า นอกจากสองเพลงนี้แล้ว คลังเพลงลูกทุ่งของฉันก็หมดลงเพียงเท่านี้ล่ะนะ)
ก่อนอื่น ต้องบอกเล่าที่มาของการรู้จักเพลงนี้สักหน่อย เรื่องมันเริ่มต้นจากการโดยสารรถเมล์เล็ก ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกแล้ว ทุกวันนี้ฉันก็ยังคงเป็นผู้โดยสารรถเมล์เขียวนรกอยู่นะ แม้ว่าตอนนี้สีของรถจะเปลี่ยนจากเขียวมาเป็นส้มแล้วก็ตาม (อ้อ! ใครอยากอ่านความรักความผูกพันของฉันกับเมล์เขียวนรก ขอเชิญไปตามอ่านกันได้จากเรื่อง “รถเมล์ เรือ และความเอื้อเฟื้อที่ไม่จำเป็น”)
ด้วยความที่วันนั้น ไม่มีรถปอ. ผ่านมาสักคัน ฉันจึงจำต้องนั่งเมล์เล็กกลับบ้าน ทันทีที่ก้าวขึ้นรถ สายตาก็สอดส่ายหาที่นั่ง โชคยังดีที่เวลานั้นยังคงพอมีที่นั่งบนรถหลงเหลือมาถึงฉันอยู่บ้าง หลังจากจ่ายเงินค่าโดยสารให้กระเป๋ารถเมล์ นั่งไปสักพัก ฉันก็เริ่มได้ยินเสียงเพลงที่คนขับรถเปิดฟังบนรถ
ตอนนั้นน่ะ ไม่รู้หรอกว่ามันคือเพลงอะไร อย่างที่บอกว่าตอนแรกมัวแต่กังวลหาที่นั่งในรถ จนไม่ได้ใส่ใจสิ่งรอบตัวเท่าไหร่ แต่ที่เริ่มทำให้สะดุดใจขึ้นมา (ที่จริงควรต้องพูดว่าสะดุดหูมากกว่า) เป็นเพราะเพลงที่ได้ยินได้ฟังในแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วย้อนกลับมาหูซ้ายอีกรอบ มันเล่นแบบวนไปวนมาเรื่อยๆ น่ะสิ
หลังจากตั้งใจฟังสักพัก ฉันก็เริ่มถึงบางอ้อว่า คุณพี่คนขับเค้าไม่ได้ชอบเพลงนี้จนเปิดมันวนเวียน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอก แต่สาเหตุเกิดจากแผ่นซีดีของคุณพี่มันคงตกร่อง ทำให้เพลงที่ว่า ถูกเล่นซ้ำไปซ้ำมาอยู่แค่ท่อนอินโทร ไปไม่ถึงท่อนฮุคซะที
เป็นอันว่าวันนั้น ฉันได้แต่นั่งฟังเพลงนี้ เสมือนเป็นเพลงภาคบังคับเลยก็ว่าได้ ฟังมันวนไป ตั้งแต่เอกมัย จนพระโขนง ยันคลองตัน เรียกว่าจากที่ไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน ฟังอินโทรไปเกือบห้าร้อยรอบ จนจำได้แล้วว่ามันร้องยังไง
เผื่อใครสงสัย มันร้องอย่างนี้ไงล่ะ
“เขามีความหมายกับเจ้า
เจ้ามีความหมายต่ออ้าย
เจ้าให้เขาหมดใจหมดกาย
อ้ายกะยอมตายให้เจ้าได้คือกัน
ครองฮักสองคนโลดตอนนี้
โชคดีให้เป็นของเจ้า
โชคร้ายอ้ายสิรับเอา
อ้ายบ่สมน้องกะคือว่า”
นั่นล่ะค่ะ นั่งฟังวนเวียนไปมาอยู่อย่างนั้น อึนๆ มึนๆ งงๆ ไปกับภาษาถิ่น จนกระทั่งถึงสี่แยกคลองตัน ในที่สุด สวรรค์ก็เมตตาต่อหูอันบอบบางของฉัน ทำให้พี่คนขับเกิดเห็นสัจธรรมว่าควรหยุดการมอมเมาผู้โดยสารด้วยเสียงเพลงอินโทรซ้ำๆ ได้แล้วเฟ้ย
สิ่งที่น่าตลกจากเหตุการณ์ซีดีตกร่องในครั้งนั้น นั่นก็คือ ฉันก็ยังคงไม่รู้อยู่ดีนั่นแหละว่าเพลงตกร่องที่ได้ฟังจนเกือบเมา มันคือเพลงอะไร แต่ก็คิดในใจว่า เอาเหอะ ไม่เป็นไร ไม่ต้องรู้ก็ได้ แกฟังอินโทรไปแล้วห้าร้อยกว่ารอบ ถ้าได้ยินอีกครั้ง (และสติไม่ฟั่นเฟือนซะก่อน) ยังไงก็น่าจะจำเพลงนี้ได้แน่นอน
จนกระทั่งฉันมาได้ยินเพลงที่ว่าจากรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง ซีซันที่ 3 โดยหน้ากากหนอนชาเขียวได้เลือกเพลงนี้มาร้องในรอบแชมป์ชนแชมป์ แบบขึ้นอินโทรมา เริ่มหลอนจิ๊ดๆ เอาแล้วไง นี่มันเพลงตกร่องจากเมล์เล็กนี่หว่า
ได้ยินท่อนอินโทรแล้ว ฉันถึงกับแอบสะดุ้ง ตระหนกในใจเล็กน้อย พร้อมกับปลอบตัวเองไปด้วยว่า ใจเย็นๆ นะแก ยังไงครั้งนี้มันคงไม่มีเหตุการณ์ “โทรทัศน์ตกร่อง” หรอกน่า แกต้องได้ฟังไปจนจบเพลงแน่นอน ไม่น่าจะต้องฟังวนเวียน หลอกหลอนแก้วหู ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แค่อินโทรแน่ๆ
ต้องขอบคุณหน้ากากหนอนชาเขียวเป็นอย่างมาก นับเป็นผู้เปิดมิติใหม่ในการฟังเพลงนี้กับฉัน จากที่เข็ดกับเพลงนี้เพราะเหตุการณ์บนเมล์เล็กในคราวนั้น หนอนชาเขียวสามารถทำให้ฉันตะลึงและทึ่งไปกับเสียงอันทรงพลัง ที่สำคัญคือทำให้ฉันเปลี่ยนใจมาชอบเพลงนี้ได้
สิ่งที่ทำให้ฉันประทับใจ “คำแพง” (นี่เขียนมาตั้งนาน เพิ่งจะได้พูดชื่อเพลง) ในเวอร์ชันหนอนชาเขียว คือ การนำเหล่านักร้องรุ่นจิ๋วมาเปิดเพลงด้วยท่อนฮุค (ใช่ค่ะ มันคือท่อนที่ฉันไม่เคยได้ฟังถึงนั่นเอง) ไหนจะเสียงเป่าแคนที่แสนจะเข้ากั๊น เข้ากันกับโทนเพลงเข้าไปอีก
แล้วยังมีเหล่าตัวประกอบในชุดผ้าซิ่น ห่มสไบสีเหลืองสดใส ออกมาร่ายรำ ช่วยเพิ่มสีสันให้กับการแสดง บวกกับการนำการละเล่นพื้นเมืองอย่างรำกระทบไม้มาร่วมแสดงด้วย ยิ่งทำให้เพลงนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น
ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังเสียงของหน้ากากหนอนชาเขียวนี่แหละ โห...จากที่เข็ดกับเพลงนี้ ได้ฟังหนอนร้องแล้วขนลุกเลย มันดีจริงๆ มันดูยิ่งใหญ่ ดูพีค ดูมีอินเนอร์ ได้อารมณ์มาก
เรียกได้ว่าเป็นคำแพง เวอร์ชันที่ฉันจดจำได้ไม่มีวันลืม (แบบประทับใจนะ) ขอปรบมือให้กับหน้ากากหนอนชาเขียวคนเก่งดังๆ เลย จะบอกว่าฉันน่ะ แอบเชียร์หนอนเหยงๆ ตั้งแต่การแข่งขันรอบแรกที่หนอนนำเพลง แม่สาย ของคาราบาวมาร้องแล้ว ฟังแล้วขนลุก ทึ่ง อินจนน้ำตาซึม หรือจะเป็นรอบแชมป์ชนแชมป์ 2 ที่เอาเพลงเรือเล็กควรออกจากฝั่ง ของ Bodyslam มาร้อง นั่นก็พีคเหมือนกัน
โอ๊ะ! เริ่มยาว งั้นก็สรุปเลยละกันว่า ในบรรดาเพลงลูกทุ่งทั้งหมดทั้งมวล นอกจากผู้สาวขาเลาะแล้ว ก็เห็นจะมีคำแพงอีกเพลงนี่แหละที่ฉันชื่นชอบ และเนื่องจากทั้งสองเพลง ต่างก็มีภาษาถิ่นผสมอยู่ในเนื้อเพลง ผู้คุ้นเคยแต่ภาษากลางอย่างฉัน เมื่อได้ฟัง จึงเกิดความสงสัยอยากทราบความหมาย จนต้องไปขวนขวายสอบถามผู้รู้
ถือว่าเป็นการฟังเพลงที่นอกจากจะเพลิดเพลินแล้ว ยังได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องภาษาท้องถิ่นอีกด้วย ขอบคุณนะ คำแพง...ผู้ซึ่งเป็นที่รัก
Source
ภาพประกอบ: Photo by icon0.com from Pexels
Comments
Post a Comment