ร้องเพลงหน้าห้อง


ย้อนกลับไปสมัยเป็นเด็กมัธยม วิชาคณิตศาสตร์เสริมเป็นหนึ่งในวิชาที่ฉันรู้สึกกริ่งเกรงในการเรียนมากที่สุด สิ่งที่ทำให้กลัว ไม่ใช่เนื้อหาการเรียน แต่เป็นเพราะธรรมเนียมปฏิบัติก่อนเริ่มเรียนในแต่ละครั้งต่างหาก

อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ คือ อาจารย์ช้าง นั่นเป็นชื่อที่นักเรียนเรียกขานกันจนติดปาก (คาดว่าน่าจะมาจากชื่อเล่นของอาจารย์นั่นเอง) ด้วยรูปร่างสูงใหญ่ และยังเป็นหนึ่งในอาจารย์ฝ่ายปกครอง ทำให้อาจารย์เป็นที่เคารพยำเกรงในหมู่นักเรียน

เมื่อฉันได้ทราบว่า วิชาเลขเสริมจะต้องเรียนกับอาจารย์ช้าง ฉันนี่กลัวมาก มันคงเป็นอาการวิตกจริตของนักเรียนทั่วไปนั่นแหละ อะไรที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง มักจะทำให้พวกเรารู้สึกขยาด แบบไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทาง

สิ่งที่ฉันจำได้แม่นเกี่ยวกับอาจารย์ช้าง นั่นก็คืออาจารย์เป็นคนวาดวงกลมได้สวยมาก โดยก่อนที่จะทำการวาดจริงบนกระดานดำ อาจารย์ช้างจะวอร์มข้อมือเป็นลำดับแรก โดยการถือแท่งชอล์กสีขาวไว้ในมือ จากนั้นอาจารย์จะเริ่มหมุนข้อมือและแขนเป็นลำดับถัดมา

จนกระทั่งกระบวนการวอร์มมือเสร็จสิ้น อาจารย์ก็จะจรดแท่งชอล์กลงบนกระดานดำ แล้ววาดวงกลมที่แสนจะสมบูรณ์แบบ เป็นวงกลมที่กลมดิ๊ก กลมเกลี้ยง กลมสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น

นั่นคือสิ่งเล็กๆ ที่ฉันจดจำได้เกี่ยวกับอาจารย์ช้าง ทีนี้มาถึงเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติที่ฉันเกริ่นไว้ข้างต้น เป็นที่รู้กันในหมู่นักเรียนห้องที่เรียนกับอาจารย์ช้างว่า ก่อนการเรียนในแต่ละครั้ง อาจารย์จะให้ลูกศิษย์ออกมาร้องเพลงหน้าชั้นเรียน ประมาณว่าเป็นการสร้างอารมณ์ผ่อนคลาย สนุกสนานก่อนการเรียน (แต่นักเรียนแอบเครียดหน่อยๆ)

โดยในครั้งแรกของคาบเรียน อาจารย์จะสุ่มเรียกนักเรียนจากเลขที่ ใครคือผู้โชคดีของวันนั้น ก็จะต้องเดินออกมาหน้าชั้น เปิดคอนเสิร์ตให้เพื่อนในห้องและอาจารย์ฟัง

ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ณ จุดนั้น เพื่อนร่วมห้องแทบทุกคน (รวมฉันด้วย) ไม่มีใครอยากออกมาเปิดคอนเสิร์ตนักหรอก ขณะที่เฝ้ารอลุ้นว่าอาจารย์จะเลือกใคร ใจก็เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ พร้อมกับภาวนาไปด้วยว่า อย่านะ อาจารย์อย่าเรียกเลขที่หนูเลย

ฉันจำไม่ได้แล้วล่ะว่าในวันนั้นเพื่อนคนไหนที่นับเป็นนักร้องคนแรกของห้องเรา แต่เหมือนจะจำได้เพียงรางๆ ว่า เพลงที่เพื่อนเลือกร้องได้แก่ เพลงยอดฮิตของเด็กอนุบาลสมัยฉันอย่าง “ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า” นั่นล่ะค่ะ เพื่อนคนนั้นคงไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเป็นนักร้อง (จำเป็น) เมื่อนึกอะไรไม่ออก จึงเลือกเพลงนี้มาเป็นเพลงช่วยชีวิต

เมื่อเพลงช้างจบ อาจารย์ช้างจึงบอกให้เพื่อนสุ่มเลือกนักร้องคนต่อไป โดยเลือกจากเลขที่เช่นเดียวกัน ซึ่งคนที่ถูกเลือกจะต้องออกมาร้องเพลงในคาบถัดไป

นั่นทำให้ทุกครั้งที่เพื่อนแต่ละคนร้องเพลงจบ ฉันต้องเกิดอาการผวาหน่อยๆ ระแวงมากๆ ว่าตนเองจะโดนเพื่อนเลือกเป็นคนต่อไป และทุกครั้งที่เลขที่ของตัวเองไม่ได้ถูกเรียก ก็จะต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

จนในที่สุด วันที่ต้องสวมวิญญาณนักร้องจำเป็นก็มาถึง เมื่อเพื่อนคนหนึ่งดันเรียกเลขที่ของฉันขึ้นมา อ้อ! ลืมเล่าไปว่า เพลงที่เพื่อนแต่ละคนเลือกมาร้องหน้าชั้น ล้วนมีความหลากหลาย ขึ้นอยู่กับความชอบ (และความกล้า) ของคนๆ นั้น

ใครออกแนวมั่น ก็จะเลือกเพลงฮิตในช่วงนั้น อย่างพี่มอส พี่เต๋า เป็นต้น ใครแนวเหนียมอาย มักจะเลือกเพลงที่มีเนื้อร้องสั้นที่สุดเท่าที่จะสั้นได้ จะได้ประหยัดเวลาในการฝืนร้อง

สำหรับฉัน น่าจะจัดอยู่ในบุคคลประเภทที่สอง เพราะเพลงที่ฉันเลือกมาร้องคือ “กรุงเทพมหานคร” ของพี่ป้อม-พี่โต๊ะ ยังจำสีหน้าของอาจารย์ช้าง เมื่อได้ยินฉันเปล่งเสียงร้องแนวโมโนโทนออกไปได้ดี คาดว่าอาจารย์คงคิดในใจว่า เจ้าเด็กนี่มันช่างร้องเพลงได้ไร้อารมณ์เอามากๆ ส่วนฉันก็ได้แต่ยืนบ่นเพลงให้อาจารย์และเพื่อนๆ ในห้องทนฟัง (ใช่แล้วค่ะ มันคือการบ่น ไม่ใช่การร้องเพลง) ประมาณว่าอยากร้องให้จบเร็วๆ จะได้กลับไปนั่งที่ของตัวเอง และทำเป็นลืมๆ เกี่ยวกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ไปซะ

แหม...จะว่าไปเพลงนี้ก็เข้ากับบรรยากาศในช่วงนี้อยู่นะ เพราะตอนนี้ถนนในกรุงเทพน่าจะว่างโล่ง ไปไหนก็สะดวกสบายกว่าปกติ จนอยากจะตะโกนว่า "กรุงเทพเป็นของเรา" พร้อมกันนั้นก็เต้นลั้ลลาด้วยความยินดีปรีดา

สุขสันต์วันสงกรานต์

Source

Comments

  1. สุดยอดครับ เล่าการร้องเพลงได้เห็นภาพ น่าติดตามครับ

    ReplyDelete

Post a Comment