สปาในใจ


หลังจากห่างหายไปจากบล็อกสองวัน ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ยะฮู้! ขอเสียงปรบมือต้อนรับการกลับมาให้ชื่นใจหน่อยค่า (เงียบ เงียบ และเงียบ แถมมีเศษใบไม้แห้งปลิวผ่านหน้าไป เหมือนฉากในการ์ตูนที่เคยอ่านสมัยวัยรุ่น)

ขอสารภาพเลยว่า ณ ตอนนี้ พลังก็ยังไม่ฟื้นคืนเต็มร้อยจากการไปตะลอนงานหนังสือสองวันติดในวันพฤหัสและศุกร์ที่ผ่านมา นี่ก็ยังมีอาการปวดไหล่ เมื่อยคอ ปวดแขน ปวดขาอยู่บ้าง (แก่แล้วก็งี้แหละป้า/ หันขวับ แกเรียกใครป้า)

ในใจก็ร่ำร้อง อยากจะไปนวดผ่อนคลายอย่างแรง แต่คิดอีกทีพร้อมทำหน้าเศร้าไปด้วย เอาวะ ไม่นวดก็ได้ เก็บตังค์ค่านวดไปเปย์หนังสือเล่มใหม่ๆ ที่ (อาจจะ) ได้เพิ่มจากการไปเดินงานหนังสือกันดีกว่า

ใช่ค่ะ คุณเข้าใจถูกต้องแล้ว แม้ว่าฉันจะไปเดินเที่ยวชมงานมาสองวันแล้ว แต่ก็ยังไม่เข็ด ยังไงก็คงต้องหาเวลาไปเดินอีกอย่างน้อยสักสองรอบเป็นอย่างต่ำล่ะนะ

โพสต์วันนี้น่าจะสั้นที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาก็ว่าได้ ตอนที่พิมพ์อยู่นี่ ฉันกำลังคิดถึงรสชาตินุ่มนวล หอมละมุนของน้ำมะตูมจากร้านนวดที่เคยไปใช้บริการเป็นประจำอยู่ช่วงหนึ่ง ทุกครั้งที่จบโปรแกรมการนวดเท้า เจ้าหน้าที่จะนำน้ำมะตูมอุ่นๆ มาเสิร์ฟ

อู๊ยยยย...มันดีต่อใจมากมาย ไหนจะหายเมื่อยขา เมื่อยเท้า แล้วยังจะได้ดื่มน้ำอร่อยชื่นใจ แต่ในเมื่อตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเก็บเงินส่วนนั้นมาเปย์หนังสือ ฉันจึงต้องเก็บความคิดถึงการนวดเท้าและน้ำมะตูมหอมๆ เอาไว้ในใจแทนละกัน

จุดนี้ หนังสือย่อมสำคัญกว่าความผ่อนคลายทางร่างกาย

เอาล่ะ ต้องไปจริงๆ แล้วนะ (ไปเหอะ ไม่มีใครรั้งแกไว้หรอก) ขอไปพักร่างแป๊บ

Source
ภาพประกอบ: Photo by Snapwire from Pexels

Comments