จังหวะเวลา


เช้าวันนี้ ฉันจำเป็นต้องออกไปทำธุระที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เมื่อลองค้นหาสถานที่ตั้งของสาขาที่อยู่ใกล้บ้านมากที่สุด พบว่ามันไม่ได้อยู่ภายในคอมมูนิตี้มอลล์แถวบ้าน แต่ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งถนนเลย โอ๊ย...ขอเศร้าแป๊บ

อยากจะเปลี่ยนมาใช้บริการธนาคารอื่น มันก็ทำไม่ได้ เป็นภาคบังคับว่าจะต้องทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคารแห่งนี้เท่านั้น อ้อ! ต้องบอกก่อนว่า โดยปกติแล้ว หากฉันมีธุระกับทางธนาคาร แค่เดินออกจากบ้านประมาณสิบนาที เพื่อไปยังคอมมูนิตี้มอลล์ที่กล่าวไปข้างต้น แล้วก็เลือกเข้าธนาคารที่มีอยู่หลายแห่งได้อย่างสะดวกสบายอารมณ์

แต่...ทุกอย่างย่อมมีข้อยกเว้นด้วยกันทั้งสิ้น รวมไปถึงมอลล์แห่งนี้ก็ด้วย เพราะมันไม่ได้มีครบทุกธนาคารน่ะสิ เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจึงจำเป็นต้องออกจากบ้าน ตั้งใจว่าจะโบกพี่วินตรงบริเวณมอลล์นั่นแหละ ให้พาฉันส่งที่ไปสาขาธนาคารใกล้บ้านแห่งนั้น

เมื่อเดินมาจนถึงสถานีพี่วิน ก็ต้องพบกับความห่อเหี่ยวใจ เนื่องจากไม่เหลือวินให้เรียกใช้บริการเลยสักคันเดียว มองไปฝั่งตรงข้าม เห็นว่ามีคนรอใช้บริการอยู่ก่อนหนึ่งคน และคงเป็นโชคดีของชายผู้นั้นที่บังเอิญมีพี่วินวิ่งผ่านมาพอดิบพอดี เขาจึงโบกรถและจากไปพร้อมพี่วิน ทิ้งฉันให้โดดเดี่ยวท่ามกลางเก้าอี้นั่งพักของพี่วินทั้งหลายอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

ยืนรอไปสักพัก เริ่มร้อนขึ้นมาหน่อยๆ แล้ว จึงขยับไปหาที่ร่ม ยืนหลบแดดแบบเปล่าเปลี่ยว มองไปรอบตัว เห็นแต่แก้วน้ำพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แถวนั้นวางไว้เกลื่อนกลาดใต้เก้าอี้พี่วิน เห็นแล้วยิ่งเคว้งคว้างในอารมณ์ (เดี๋ยว! มันไม่ใช่เวลามาทำมิวสิควีดีโอนะ)

ผ่านไปอีกไม่นาน รถสองแถวสีแดงประจำหมู่บ้านก็วิ่งผ่านหน้า นั่นน่าจะเป็นจุดพลิกผันทางอารมณ์แบบฉับพลัน จากที่กำลังยืนเศร้าเป็นนางเอกมิวสิคอยู่ ได้แต่บ่นอย่างฮึดฮัดขัดใจ ทำไมในวันที่ฉันมีความจำเป็นต้องใช้บริการรถสองแถว เหตุไฉนวันนั้นฉันถึงต้องยืนรอจนรากเกือบจะงอก และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ บางครั้งคนขับรถสองแถวก็ไม่ยอมเหลือบมองซ้าย-ขวา หน้า-หลัง อะไรทั้งสิ้น ได้แต่ขับมันลูกเดียว ทำให้ผู้โดยสารที่น่าสงสารอย่างฉันต้องพลาดรถเที่ยวนั้น และยืนรอราก (ที่สอง) งอกต่อไปอีกนาน

มาวันนี้ที่ไม่ต้องใช้รถสองแถว ยืนรอแบบเหงื่อยังไม่ทันจะออก รถก็วิ่งผ่านหน้าไป เป็นการวิ่งแบบช้าๆ ด้วยนะ ประมาณว่าไม่มีทางพลาดรถแน่นอน ราวกับรถกำลังเยาะเย้ยฉันอยู่ เห็นแบบนี้แล้ว มันน่าเจ็บกระดองใจซะจริงเชียว

จนรถสองแถววิ่งผ่านในสปีดเต่าคลานจากไปแล้ว พี่วินก็ยังไม่หลงมาถึงมือฉันสักคันเดียว นี่มันอะไรกันนะ หากมองในแง่ดี ก็ต้องคิดว่ามันคงจะขึ้นอยู่กับจังหวะเวลานั่นแหละ อาจบังเอิญว่าช่วงเวลานั้น รถทุกคันล้วนติดภารกิจรับส่งผู้โดยสาร ฉันจึงต้องรอต่อไป แต่ถ้ามองในแง่ร้าย มันคงเป็นเพราะฟ้าไม่เป็นใจเอาซะเลย ยืนรอมาตั้งนานแล้ว พี่วินทั้งหลายก็รับ-ส่งผู้โดยสารคนอื่นไม่เสร็จซะที พร้อมทั้งสงสัยไปด้วยว่า นี่ต้องยืนรออยู่อย่างนี้อีกนานมั้ยเนี่ย

ยืนจนเหงื่อเริ่มซึมออกมาเล็กน้อย ในที่สุดฟ้าก็เมตตาฉัน ส่งพี่วินมาหนึ่งคัน ทำให้ฉันสามารถเดินทางไปยังที่หมายได้ ขณะที่ยืนรอนั้น ก็คิดไปด้วยว่า ตรงแถวธนาคารที่จะไป อาจจะหาพี่วินยากเช่นกัน ไม่เอาแล้วนะเฟ้ย ไม่อยากยืนรอแบบไร้อนาคตแล้ว พอพี่วินคันนั้น ขับมาส่งฉันถึงหน้าธนาคาร ฉันจึงรีบออกปากบอกแกไปว่า ให้พี่รอแป๊บนึงนะ เสร็จธุระแล้ว ฉันจะนั่งกลับไปที่เดิม

โชคดีที่พี่วินเข้าใจ แกเต็มใจจอดรถรอฉันทำธุระให้เสร็จ ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานหรอก ไม่ถึงห้านาทีเลยด้วยซ้ำ เมื่อเสร็จธุระ รีบเดินออกจากธนาคารไปหาพี่วินที่ฟ้าส่งมาให้ฉัน แล้วนั่งซ้อนท้ายให้แกออกรถพาฉันกลับไปส่งบ้านด้วยความสบายใจ

Source
ภาพประกอบ: Photo by Bagus Pangestu from Pexels

Comments