น้ำปั่นฮาร์ดคอร์


ด้วยสภาพอากาศร้อนจากแสงแดดแผดเผา ทำให้ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยนึกอยากกินอาหารอะไรเท่าไหร่ ของกินที่ขาดไม่ได้ เห็นจะเป็นน้ำแข็ง ถ้าจะให้ชื่นใจไปเลย ต้องหันไปพึ่งพิงน้ำแข็งทุบ (อืม...ไม่รู้ว่าเรียกถูกไหม มันคือน้ำแข็งที่เอาไว้กินกับขนมพวกเซ็งซิมอี๊น่ะ)

เพียงคุณมีน้ำแข็ง ชีวิตคุณจะสดชื่น จากที่หงุดหงิดกับอากาศร้อน อารมณ์ก็จะแจ่มใสขึ้น แถมยังได้พลังฟื้นคืนกลับมาด้วย ลองนึกภาพในวันที่อากาศร้อนจัดจนต้องไปเปิดตู้เย็น หยิบน้ำผลไม้มาเทลงในแก้วน้ำแข็ง จากนั้นก็หยิบขึ้นมาดื่ม อ้า...ชื่นใจอะไรอย่างนี้

พูดถึงน้ำแข็งแล้ว ฉันก็พลันนึกถึงวีรกรรมน้ำปั่นของคุณน้าเชฟขึ้นมาได้ เรื่องราวก็มีอยู่ว่า ช่วงหนึ่งที่บ้านมีสับปะรดล้นตู้เย็น จะเก็บไว้ปอกกินไปเรื่อยๆ ก็ดูท่าว่าจะไม่ทัน ถึงตอนนั้นสับปะรดอาจเน่าก่อนจะได้กิน

เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณน้าเชฟเลยจัดการเอาสับปะรดมาปอกเปลือก แล้วเอาเข้าเครื่องปั่นกลายเป็นน้ำสับปะรดปั่นให้ทุกคนได้ดื่มกันอย่างเอร็ดอร่อย บางครั้งคุณน้าก็ใส่ผลไม้ชนิดอื่นร่วมแจมด้วย ขึ้นอยู่กับว่าช่วงนั้นมีผลไม้อะไรอยู่ในตู้เย็น อย่างเช่น มะนาว แอปเปิล ส้ม เป็นต้น

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่คุณน้าใส่มะละกอเข้าไปปั่นผสมกับบีตรูตสีแดง ปั่นเสร็จก็เทน้ำปั่นใส่แก้วมาให้ฉัน ด้วยความที่เห็นว่าน้ำปั่นคราวนั้นสีสวย ฉันเลยดื่มเข้าไปโดยไม่นึกสงสัยอะไร จิบไปจิบมา เริ่มตะหงิดๆ แล้วว่ารสชาติมันแปลกๆ อยู่นะ เหมือนจะ detect กลิ่นมะละกอได้นิดๆ

เพื่อความแน่ใจ ฉันเลยหันไปถามคุณน้าว่า ได้ใส่มะละกอลงไปผสมด้วยหรือไม่ พอโดนตั้งคำถามจากหลาน คุณน้ามีท่าทีอิดออด เหมือนไม่อยากจะบอก แต่แค่นั้นหลานจมูกไว (ให้อารมณ์เหมือนแกเป็นหมาน้อยเลยนะ) ก็รู้แล้วว่า ในน้ำปั่นแก้วนั้น มันต้องมีเจ้ามะละกอ ซึ่งเป็นผลไม้ที่ฉันไม่ชอบกินอยู่แน่ๆ

หลังจากกล้ำกลืนฝืนใจดื่มต่อไปอีกไม่กี่อึก ฉันก็ต้องยอมแพ้ให้กับกลิ่นมะละกอบางเบาในน้ำปั่นแก้วนั้น อาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอ รีบเทน้ำปั่นที่เหลือทั้งหมดลงอ่างล้างจานด้วยความรวดเร็ว โบกมือลาความมะละกอแอบแฝง เฝ้ามองน้ำสีแดงไหลลงท่อไปด้วยความโล่งใจ

แต่...นั่นยังไม่ใช่ขั้นสุดของสถานการณ์น้ำปั่นที่ฉันเคยได้ประสบพบเจอ ครั้งหนึ่งคุณน้าลงมือปั่นน้ำสับปะรดเหมือนกับทุกครั้ง ปั่นไปปั่นมาสักครู่ ระหว่างนั้นฉันก็ได้ยินเสียงผิดปกติ ดังออกมาจากเครื่องปั่นน้ำผลไม้ มันเป็นเสียงที่ไม่คุ้นเคยเอาซะเลย ที่แน่ๆ ไม่น่าจะใช่เสียงน้ำแข็งและผลไม้ที่ถูกบดอยู่ในเครื่อง

นั่นทำให้ฉันต้องหันไปมองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันนะ เครื่องปั่นถึงได้ส่งเสียงประหลาดออกมาเช่นนั้น และฉันก็ได้รู้สาเหตุ ภาพที่คุณน้ากำลังพยายามงัดช้อนพลาสติกสีส้มสดใสที่เอาไว้ใช้คนส่วนผสมทั้งผลไม้และน้ำแข็งให้เข้ากันออกจากตัวเครื่องเป็นอะไรที่เกินคาดจริงๆ

เรื่องมันมีอยู่ว่า ขณะที่กำลังปั่นอย่างเมามันอยู่นั้น คุณน้าคงนึกอยากจะใช้ช้อนคนส่วนผสมให้มันเข้ากันมากยิ่งขึ้น เลยเปิดฝาเครื่องปั่น แล้วก็หย่อนช้อนลงไปเพื่อคนไงล่ะ แต่ปัญหามาเกิดตรงที่ว่า คุณน้าดันลืมกดปุ่มปิดการทำงานของเครื่องน่ะสิ

แล้วเป็นไง เครื่องมันก็ยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อตรง ปั่นต่อไปในขณะที่มีวัตถุแปลกปลอมอย่างช้อนพลาสติกมาอยู่ในรัศมีการปั่นของมัน ผลก็คือช้อนสีส้มที่น่าสงสารคันนั้น หักเป็นชิ้นๆ เลย ตอนที่คุณน้ายกช้อนขึ้นมาจากเครื่อง เลยทำให้ได้เห็นว่าตรงส่วนของช้อนแหว่งไปเกือบครึ่ง

หลังจากนั้น คุณน้าเลยไปหยิบช้อนคันใหม่มาใช้ และลงมือปั่นน้ำผลไม้ต่อไปตามปกติ โดยที่ทุกคนก็ไม่ได้สงสัยอะไรทั้งสิ้น ความฮาร์ดคอร์ของคุณน้าเริ่มปรากฏให้ทุกคนได้เห็นก็ตอนที่พวกเรากำลังจะยกแก้วน้ำสับปะรดปั่นขึ้นดื่มนั่นแหละ

ฮาร์ดคอร์ยังไงน่ะเหรอ ก็นอกจากน้ำปั่นสีเหลืองนวลสวยจากสับปะรดแล้ว ฉันดันสังเกตเห็นว่ามีเศษชิ้นส่วนสีส้มเล็กๆ แฝงอยู่ในน้ำด้วย ใครที่ไม่เคยรู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น อาจจะดื่มเข้าไปโดยไม่ทันเฉลียวใจ เผลอๆ บางคนอาจนึกว่าเป็นชิ้นส่วนแครอทปั่นก็เป็นได้

ส่วนฉันที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ได้แต่ร้องโวยวายขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมกันนั้นก็โล่งใจที่ตัวเองยังไม่ได้ดื่มน้ำปั่นมหันตภัยแก้วนั้นลงคอ ก็ไอ้สีส้มชิ้นเล็กๆ ที่ลอยปะปนอยู่ในน้ำนั่นน่ะ มันไม่ใช่เศษซากช้อนพลาสติกที่จบสิ้นอายุการใช้งานก่อนกำหนดหรือไง แล้วแบบนี้มันจะกินเข้าไปได้ยังไงกันเล่า ถ้ากินหมดแก้ว สงสัยต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นแน่แท้

หลังจากหายตกใจ สอบถามคุณน้าว่าทำไมยังเอาน้ำมาให้พวกเรากิน ทั้งที่ในน้ำมีชิ้นส่วนของช้อนลอยเกลื่อนกลาดปะปนอยู่ด้วย ได้คำตอบกลับมาจากคุณน้าเชฟว่า นึกว่าเอาเศษช้อนพวกนั้นออกไปหมดแล้วซะอีก โห...มันจะหมดได้ไงฟระ ก็เห็นอยู่ว่าพวกมันยังคงลอยหน้าลอยตาอยู่ในน้ำราวกับเป็นแครอทก็ไม่ปาน

เฮ้อ! เกือบไปแล้วฉัน เกือบต้องไปตอบคำถามจากคุณหมอว่านึกยังไงถึงได้กินพลาสติกเข้าไปล่ะ นับว่าโชคดีไปเนอะ ที่ครั้งนั้นตาไว รอดตัวจากน้ำปั่นฮาร์ดคอร์ของคุณน้าแก้วนั้นไปได้

Source
ภาพประกอบ: Photo by Pineapple Supply Co. from Pexels

Comments