ผู้หญิงแต่ละคนมักจะมีน้ำหอมกลิ่นโปรดของตนเอง บางคนอาจจะชอบแนวสปอร์ต บางคนชอบน้ำหอมผู้ชาย หรือบางคนก็ชอบกลิ่นหวานๆ สำหรับฉัน ไม่ใช่เซียนน้ำหอมเท่าไหร่และไม่ได้เป็นสิ่งที่ใช้เป็นประจำ เรียกว่าขึ้นอยู่กับอารมณ์ในตอนนั้น วันดีคืนดี เกิดนึกอยากฉีดน้ำหอมขึ้นมา ฉันจึงจะไปรื้อออกมาฉีด
ตอนยังเป็นเด็ก ฉันชอบแอบไปนั่งเล่นอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ เพราะมีของแปลกตา น่าสนใจ และน่าสำรวจมากมาย คิดว่าเด็กผู้หญิงทุกคนน่าจะเคยผ่านช่วงเวลานี้กันมาแล้วทั้งนั้น เหมือนอยากลองแอบทาลิปสติกที่แม่ใช้ อยากทาเปลือกตาเป็นสีๆ ดูบ้าง อยากปัดแก้มแดง อยากเอาสร้อยของแม่มาใส่ เอาตุ้มหูมาลองทาบดูกับใบหน้า อะไรแบบนั้นน่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะไปสำรวจโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ ฉันจะต้องทำตอนที่แม่ไม่อยู่บ้าน โอกาสอันดีสำหรับฉันมาถึงตอนช่วงปิดเทอม เมื่อแม่ออกจากบ้านไปทำงานแล้ว ฉันจึงเข้าไปในห้องแม่ เดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มีกระจกบานใหญ่ครึ่งตัว จากนั้นก็เอื้อมมือไปใต้โต๊ะ เพื่อกดเปิดสวิทช์ไฟ เมื่อนั้นหน้าโต๊ะก็จะสว่างไสว เหมาะกับการรื้อค้นสมบัติของแม่มาเล่น (เป็นลูกที่ดีมากเลยนะแก)
จากการแอบไปเล่นหลายครั้งเข้า ทำให้ฉันสามารถจดจำสิ่งของต่างๆ รวมทั้งตำแหน่งของพวกมันที่วางอยู่บนโต๊ะได้อย่างแม่นยำ ในบรรดาของทั้งหมดบนโต๊ะเครื่องแป้ง จะมีขวดน้ำหอมของแม่อยู่ขวดหนึ่งที่ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางกองทัพเครื่องสำอางค์และเครื่องประดับจำพวก สร้อย แหวน ต่างหู นาฬิกา
น้ำหอมขวดที่ว่า ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก ตัวขวดเป็นแบบใส สามารถมองเห็นน้ำหอมสีออกเหลืองที่บรรจุเอาไว้ภายใน ส่วนฉลากน้ำหอมนั้นเป็นแบบเรียบๆ ชื่อของน้ำหอมก็เรียบง่ายดุจเดียวกับรูปลักษณ์ของมัน เด็กประถมอย่างฉันในตอนนั้นยังสามารถอ่านรู้เรื่องเลย
Tea Rose คือชื่อของน้ำหอมขวดนั้น ในครั้งแรกที่สังเกตเห็นว่ามันคือขวดน้ำหอม ฉันเพียงแต่หยิบขึ้นมาดู และพลิกขวดไปมาเท่านั้น ยังไม่กล้าที่จะเปิดขวดออกมา เพราะกลัวแม่จะรู้ว่าแอบมาเล่นสมบัติของแม่ ได้แต่เก็บความสงสัยใคร่รู้ในแบบเด็กประถมว่ากลิ่นชากับกุหลาบนี่มันจะเป็นยังไงกันนะ
จนวันหนึ่ง เมื่อความอยากรู้อยากเห็นของฉันเริ่มล้ำหน้าความกลัวแม่ดุ ฉันจึงตัดสินใจเปิดฝาขวดแล้วเอาขวดมาจ่อจมูกเพื่อดมกลิ่น เป็นกลิ่นกุหลาบมากๆ หลังจากได้ดมกลิ่นเป็นที่เรียบร้อยก็เหมือนว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ พอใจแล้ว หลังจากนั้นเลยหันไปเล่นพวกเครื่องสำอางค์และเครื่องประดับของแม่ต่อ
ถึงกระนั้นก็เถอะ ฉันยังคงจำได้ว่าตนเองเคยขอแม่ฉีดเจ้า Tea Rose ไปโรงเรียนด้วยนะ ไม่รู้ว่าตอนนั้นนึกอะไรขึ้นมา จำไม่ได้แล้ว แต่ที่แน่ๆ ในเช้าวันนั้น รถพ่อจ๋าคงอบอวลไปด้วยน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ฉันบรรจงฉีดพรมไว้ตามตัวเป็นแน่แท้ แต่พ่อก็ไม่บ่นอะไรนะ (เผลอๆ พ่อจ๋านี่แหละที่อาจจะเป็นคนซื้อน้ำหอมขวดนี้ให้แม่)
วันนั้นก็เหมือนกับวันอื่นๆ นั่นแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ จนมาถึงการเรียนในช่วงบ่ายที่เป็นวิชาที่เรียนกับคุณครูประจำชั้น นั่งเรียนไปสักพัก ฉันเกิดปวดฉี่ เลยลุกออกจากที่นั่ง เดินไปที่โต๊ะครู แล้วขอครูไปเข้าห้องน้ำ
ครูเงยหน้าขึ้นจากกองสมุดการบ้านที่กำลังตรวจ และเอ่ยปากอนุญาตให้ฉันไปเข้าห้องน้ำได้ จังหวะที่ฉันหันหลังหมุนตัวกลับ เพื่อจะเดินออกจากห้องเรียนไปเข้าห้องน้ำ อยู่ๆ คุณครูก็เรียกชื่อฉันขึ้นมา ตอนนั้นกำลังนึกในใจว่า เอ๊ะ! หรือครูเปลี่ยนใจ ไม่ให้ฉันไปเข้าห้องน้ำซะแล้ว
เมื่อหันกลับมาหาครูอีกครั้ง เห็นครูมองหน้าฉัน พร้อมกับมีรอยยิ้มประดับอยู่ที่มุมปาก จากนั้นครูก็พูดขึ้นว่า “Tea Rose” แล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก เมื่อได้ยินอย่างนั้น เด็กน้อยอย่างฉันจึงรู้สึกอายขึ้นมาทันที คล้ายกับการถูกแม่จับได้ว่าแอบใช้ของๆ แม่นั่นแหละ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มเขินให้ครู แล้วรีบเดินออกจากห้องเรียนไปเข้าห้องน้ำ
คุณครูประจำชั้นของฉันก็คงจะเป็นแฟนคลับของน้ำหอมตัวนี้เหมือนกับแม่สินะ ยุคนั้นน้ำหอมนี่น่าจะดังและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงพอสมควรเลยทีเดียว ก็แหม...เพียงแค่ช่วงฉันหมุนตัว กลิ่นน้ำหอมยังลอยไปเข้าจมูกครูได้ และน่าทึ่งที่ครูสามารถทราบเลยทันทีว่า นี่คือกลิ่นของ Tea Rose
ปัจจุบันนี้ แม่ไม่ค่อยได้ใช้น้ำหอมมากเท่าไหร่แล้ว และฉันก็ไม่ค่อยได้เห็น Tea Rose วางขายตามเคาน์เตอร์น้ำหอมในห้างสรรพสินค้าแล้วด้วย (หรือจะมี แต่ฉันไม่รู้กันนะ) เคยลองตามหาเจ้าน้ำหอมตัวนี้ทางออนไลน์ เลยรู้ว่ามันก็ยังคงพอหาซื้อได้อยู่นะ
หากได้ลองสั่งน้ำหอมนี้มาใช้อีกครั้ง เมื่อเปิดฝาขวดขึ้นมา นอกจากกลิ่นกุหลาบที่ลอยมาเข้าจมูกแล้ว ฉันคงได้ระลึกถึงกลิ่นความหลัง ภาพความทรงจำในตอนไปนั่งเล่นหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ รวมทั้งรอยยิ้มของครูประจำชั้นตอน ป.2 ของฉันเมื่อเอ่ยชื่อน้ำหอมตัวนี้ให้ฉันได้ยิน...Tea Rose
Source
ภาพประกอบ: Photo by monicore from Pexels
Comments
Post a Comment