Nick of Time


อาทิตย์ก่อนฉันมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่อง Nick of Time นำแสดงโดย Johnny Depp โดยหนังเรื่องนี้ ได้ถูกนำกลับมาฉายทางโทรทัศน์อีกครั้งหนึ่ง จากที่เคยเข้าฉายครั้งแรกในโรงภาพยนตร์ ช่วงปลายปี 1995 นี่ก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วสินะ

ได้เห็น Johnny Depp ในภาพลักษณ์หนุ่มหน้าใส ลุคคนธรรมดาทั่วไป ก่อนหน้าที่ผู้ชมจะติดตากับบทบาท Captain Jack Sparrow โจรสลัดผู้มีขอบตาดำเป็นนิจ มีผ้าโพกหัวและเครื่องแต่งกายรุงรังจากภาพยนตร์เรื่อง The Pirates of the Caribbean

เรื่องราวในภาพยนตร์ทำให้ฉันนั่งลุ้นและรู้สึกวิตกกังวลตามไปด้วย (ถึงแม้จะเคยดูมาแล้วก็เถอะ) เนื่องจากสถานการณ์ในเรื่องเป็นตัวบีบบังคับให้พระเอกต้องทำตามคำสั่งที่ผู้ร้ายต้องการ แม้ใจจะไม่อยากทำก็ตามที

โดยผู้ที่มารับบทเป็นผู้ร้าย ได้แก่ Christopher Walken ซึ่งคุณลุงเล่นเป็นผู้ร้ายได้อย่างเยี่ยมยอด จนฉันรู้สึกดีและสะใจกับฉากตอนท้ายเรื่องมากเลย ผิดกับบทบาทของคุณลุงในภาพยนตร์เรื่อง Excess Baggage ลิบลับ

ในเรื่อง Excess Baggage ที่คุณลุงรับบทเป็น Uncle Ray ทำให้ฉันชอบคุณลุงมาก ถึงบุคลิกและท่าทางจะดูร้ายๆ แต่ลุงก็รักและห่วงใยนางเอกของเรื่องที่รับบทโดย Alicia Silverstone และในเรื่องนั้น ยังมี Benicio del Toro มารับบทพระเอกที่มีอาชีพเป็นโจรขโมยรถด้วย (Benicio เป็นนักแสดงชาว Puerto Rico ที่หน้าตาของเขาในบางมุม ดูคล้ายกับ Brad Pitt)

หากใครเป็นแฟนภาพยนตร์ของ Christopher Walken และเป็นแฟนเพลงของ Fatboy Slim ดีเจชาวอังกฤษ ผู้ที่บทเพลงของเขาเคยโด่งดังในบ้านเราเมื่อนานมาแล้ว น่าจะเคยเห็นคุณลุงโผล่ไปเล่นมิวสิควีดีโอให้กับศิลปินรายนี้ ในบทเพลง Weapon of Choice ขอแนะนำให้ลองไปดู MV ตัวนี้ แล้วคุณจะได้เห็นฝีไม้ลายมือการเต้นของคุณลุง Christopher ผู้เคยได้รับการฝึกฝนการเป็นนักเต้น ก่อนหน้าที่ลุงจะเบนเข็มมาเป็นนักแสดงอย่างในปัจจุบัน

กลับมาที่เรื่อง Nick of Time กันต่อ สิ่งที่ทำให้ฉันชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ จนสามารถนั่งดูซ้ำหลายรอบได้ น่าจะเป็นฉากที่พระเอกไปนั่งขัดรองเท้าเพื่อเป็นการถ่วงเวลาที่ร้านรับขัดรองเท้าภายในโรงแรม ซึ่งน่าจะเป็นการไปนั่งคิดหาหนทางเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่

โดยช่างขัดรองเท้า ตามบทในเรื่องเป็นทหารผ่านศึกและขาพิการหนึ่งข้าง รับบทโดย Charles S. Dutton และตัวละครตัวนี้แหละที่ฉันชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้ เนื่องจากเขาเปิดร้านขัดรองเท้าภายในโรงแรม จึงทำให้สามารถไปเกณฑ์เพื่อนพ้องน้องพี่ พนักงานโรงแรมที่รู้จักกันมาให้ความช่วยเหลือพระเอก

ตั้งแต่พนักงานที่บาร์เครื่องดื่ม พนักงานทำความสะอาดห้องน้ำ ไปจนถึงพนักงานทำความสะอาดห้องพักแขกในโรงแรม โดยบรรดาเพื่อนพนักงานทั้งหมดที่เข้ามาช่วยในภารกิจนี้ ผู้ที่ทำให้คนดูลุ้นตามไปด้วยมากที่สุด น่าจะเป็นพนักงานคนที่ต้องมาสลับเสื้อผ้ากับพระเอก เพื่อช่วยในการพรางตัวเนี่ยแหละ

ฉากในห้องน้ำที่ตัวร้ายยืนคุยอยู่กับพระเอก และมีลูกสมุนคอยตามประกบเพื่อดูลาดเลา โดยที่คุณพนักงานของโรงแรมคนนั้นก็แอบอยู่ในห้องน้ำด้วย ทำเอาฉันใจเต้นตึกตัก ลุ้นจนฉี่จะแตกซะเอง (เป็นเอามากนะแก)

ตอนจบของเรื่อง เป็นอะไรที่ขัดใจคนดูอย่างฉันเล็กน้อย ดูแล้วจะรู้สึกประมาณว่า อะไรกันฟระ แบบนี้ก็ได้เหรอ เหมือนเป็นการจบแบบปลายเปิด ให้คนดูไปคิดต่อกันเอาเอง หรือบางคนก็อาจจะไม่มานั่งคิดต่อเหมือนฉันก็เป็นได้ เมื่อหนังมันจบแล้ว ก็จบกันไปสิ จะคิดไปทำไมให้เปลืองสมอง

Source
ภาพประกอบ: Photo by Giallo from Pexels

Comments