เจ้าของคำพูดประโยคนี้ ได้แก่ Harry Hart ผู้มีฉายาว่า Galahad จากภาพยนตร์เรื่อง Kingsman: The Secret Service ซึ่งรับบทโดยนักแสดงชาวอังกฤษหน้าตาหล่อเหลาแบบผู้ดีอย่าง Colin Firth
ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของสายลับจากหน่วยงานที่มีชื่อว่า Kingsman โดยบุคคลที่ดูมีหน่วยก้านดีจะถูกพามายัง Kingsman Tailor ร้านตัดเสื้อสูทของผู้ชาย ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นสถานที่เชื่อมต่อเพื่อใช้เดินทางไปยังที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของหน่วยงานลับแห่งนี้
ฉันชอบ Kingsman Tailor มาก เพราะร้านแห่งนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูขลัง เก่าแก่ มีความอนุรักษ์นิยมที่ผู้ชมสัมผัสได้ บรรดาชุดสูทที่แขวนโชว์อยู่หน้าร้านล้วนถูกตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน ดูสง่า โก้หรู มีรสนิยม และแน่นอนว่าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของเหล่าสายลับจากภาพยนตร์เรื่องนี้ ล้วนดูเนี้ยบอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคนที่ได้รับคัดเลือกในเบื้องต้น เดินทางไปถึงสำนักงานใหญ่เรียบร้อยแล้ว จากนั้นพวกเขา/เธอจะถูกทดสอบในขั้นต่อไป โดยผู้ทำการทดสอบขั้นนี้ คือ Merlin รับบทโดย Mark Strong
เรื่องราวในภาพยนตร์ภาคแรกเป็นการปูพื้นให้รู้จักตัวละครอย่าง Galahad, Merlin และ Eggsy (รับบทโดย Taron Egerton) ฉากที่ฉันประทับใจมากสุดในภาคนี้ น่าจะเป็นฉากการต่อสู้แบบฉายเดี่ยวของคุณพี่ Colin กับบรรดาเหยื่อที่ถูกมอมเมาด้วยฝีมือตัวร้ายอย่าง Valentine (รับบทโดย Samuel L. Jackson) แบบว่าขนาดฉายเดี่ยวและต้องสู้กับผู้คนมากมาย คุณพี่ Colin ก็ยังหล่อเป๊ะทุกองศา และไม่หลุดมาดผู้ดีเลย
อีกหนึ่งฉากที่โดดเด่น คือฉากในตอนเริ่มเรื่องที่ Galahad นั่งคุยอยู่กับ Eggsy ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้น ศัตรูของ Eggsy ได้เข้ามาในร้าน และด้วยนิสัยอันธพาล คนเหล่านั้นจึงพยายามพูดจายั่วยุให้ Galahad พื้นเสีย
จากนั้นความคลาสสิกก็บังเกิด เมื่อ Galahad เดินไปที่ประตูหน้าร้าน โดยทุกคนเข้าใจว่าเขาจะเดินออกจากร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการมีเรื่อง ทว่า เขากลับทำในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด คือ ปิดประตูลงกลอนร้านให้แน่นหนา พร้อมกับกล่าวคำคม “Manners Maketh Man” จากนั้นก็ทำการสั่งสอนเหล่าอันธพาลซะยับเยิน แพ้หลุดลุ่ยกันไปเลย
จากความประทับใจเมื่อดูภาคแรก ทำให้เมื่อภาคต่อมาอย่าง Kingsman: The Golden Circle เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ฉันเลยรีบแจ้นไปดูทันที และภาคสองก็ยังคงทำให้ฉันประทับใจอย่างต่อเนื่อง
นอกจากบรรดานักแสดงที่รับบทเด่นในภาคแรกอย่าง Colin Firth, Mark Strong และ Taron Egerton จะยืนพื้นแล้ว ในภาคสองนี้ยังได้ Jeff Bridges, Channing Tatum, Julianne Moore เพิ่มเข้ามา รวมไปถึงท่าน Sir Elton John ก็มาร่วมแสดงกับเค้าด้วยนะ
โดยเรื่องราวในภาคสองจะเป็นการแนะนำเครือข่ายพันธมิตรของ Kingsman จากฝั่งอเมริกาอย่าง Statesman ที่มีฉากหน้าทำธุรกิจผลิต bourbon whiskey (คล้ายกันกับการที่ Kingsman มีฉากหน้าประกอบธุรกิจตัดเย็บเสื้อสูทไง)
เมื่อเป็นธุรกิจผลิตเหล้า ชื่อของบรรดาสายลับทางฝั่งลุงแซม จึงไม่พ้นเหล่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Champagne, Tequila, Whiskey และ Ginger Ale (ตรงนี้ทำให้ฉันนึกถึงบรรดาตัวละครจากองค์กรชุดดำในการ์ตูนเรื่องโคนัน นั่นก็ใช้ชื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นชื่อตัวละครเช่นเดียวกัน มีทั้ง Rum, Gin, Vodka, Vermouth, Chianti, Korn, Sherry, Tequila, Bourbon และอื่นๆ อีกมากมาย โอ้ย! เยอะ พิมพ์ไม่หมดหรอก)
สำหรับ Kingsman: The Golden Circle ฉากที่ฉันประทับใจ น่าจะเป็นฉากการออกภาคสนามของ Merlin ซีนที่เขาร้องเพลง Take Me Home, Country Roads ของ John Denver ทำเอาฉันน้ำตาซึมเล็กๆ (ไม่กล้าร้องไห้ในโรง ถึงแม้จะในความมืดก็เถอะ กลัวคนอื่นเห็น) และทำให้ฉันต้องกลับมาเปิดเพลงนี้ฟังเมื่อกลับถึงบ้านในเย็นวันนั้นต่ออีกหลายรอบเลย
นอกจากนี้ ยังได้เห็น Channing Tatum เต้นเป็นอาหารตาอีกด้วยนะ รวมทั้งได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องแต่งกายของท่าน Sir Elton ที่มาในชุดขนนกหลากสีสัน นั่งเล่นเปียโนอยู่ตามลำพัง และยังช่วยหลอกล่อเจ้า robotic dogs ที่เป็นลูกสมุนของตัวร้าย เพื่อช่วยเหลือพระเอกอย่าง Eggsy ด้วย
แถมท้ายก่อนไป ตัวละครอีกหนึ่งตัวที่ฉันเอ็นดูมาก เห็นจะเป็นเจ้าสุนัขพันธุ์ Cairn Terrier ที่เป็นสัตว์เลี้ยงของ Harry Hart ที่มีชื่อว่า Mr. Pickle มันหน้าตาน่ารัก บ้องแบ๊วมากเลย ดูหนังจบ ฉันเลยกลับมากอดลูกรักของตัวเองต่อ
ดู Kingsman มาสองภาคแล้ว และได้ข่าวว่าน่าจะมีภาคสามต่ออีกในอนาคต ยังไงก็แล้วแต่ ฉันก็คงจะติดตามดูต่อไปแหละนะ ตราบใดที่ Colin Firth ยังคงร่วมแสดงอยู่ เพราะติดใจความหล่อของเขาไงล่ะ ช่างสมกับคำคม Manners Maketh Man ซะเหลือเกิน
Source
ภาพประกอบ: Photo by Fancycrave.com from Pexels

Comments
Post a Comment