Crème Brûlée VS Jello


Pretty Woman เป็นภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้ทั้ง Julia Roberts และ Richard Gere โดยเข้าฉายตามโรงภาพยนตร์ในปี 1990 หลังจากนั้นอีก 9 ปีต่อมา ทั้งคู่ก็ได้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Runaway Bride

แต่ก่อนหน้าที่ Julia Roberts จะมารับบทหญิงสาวผู้วิ่งหนีเจ้าบ่าวของเธอเองในวันแต่งงานถึงสามครั้งสามหนใน Runaway Bride นั้น เธอก็ได้รับแสดงภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการแต่งงานอย่างเรื่อง My Best Friend’s Wedding ในบทบาทของหญิงสาวที่ (เกือบจะ) ทำลายงานแต่งงานเพื่อนสนิทของเธอเอง

ฉันชอบดู My Best Friend’s Wedding เพราะหนึ่งเลยคือได้ดู Julia ผู้รับบทเป็น Julianne Potter สาวนักวิจารณ์อาหาร ที่จะว่าไปก็คือตัวเอกของเรื่องนั่นแหละ แต่มาในโทน (แอบ) ร้าย เหตุผลข้อต่อมา คือ Dermot Mulroney พระเอกในเรื่องนี้ที่หล่อมาก เป็นผู้ชายหน้าตาดี คมเข้ม และมีรอยยิ้มละลายใจสาวน้อยอย่างฉัน (กล้าพูดมาได้เนอะว่าตัวเองเป็นสาวน้อย ควรดูที่ปัจจุบันว่าแกน่ะใกล้เคียงกับคำว่า “สาว (เหลือ) น้อย” เข้าไปทุกทีแล้ว)

โดยในเรื่อง Dermot รับบทเป็น Michael O’Neal และยังมีนักแสดงอีกสองคนที่รับบทเด่น ได้แก่ Cameron Diaz ในบทบาทแฟนสาวของ Michael และ Rupert Everett รับบท George เพื่อนของ Julianne (จะบอกว่า Rupert Everett นี่ก็หน้าตาดีเช่นเดียวกันกับ Dermot Mulroney)

เรื่องราวในภาพยนตร์เริ่มจากการที่ Julianne และ Michael ผู้เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนาน ได้เคยคุยกันว่าเมื่อพวกเขาอายุ 28 ปี หากต่างคนต่างก็ยังไม่ได้แต่งงาน ทั้งคู่ตกลงใจว่าจะแต่งงานกัน

แต่แล้วก่อนหน้าที่ Julianne จะมีอายุครบ 28 ปีบริบูรณ์ Michael ก็ได้โทรมาบอกข่าวดีให้เธอฟังว่าเขากำลังจะแต่งงานแล้ว เมื่อทราบข่าวดีของเพื่อน (แต่มันคือข่าวร้ายสำหรับตัวเธอ) Julianne จึงตระหนักว่าตนเองนั้น รักเพื่อนอย่าง Michael เข้าแล้ว อือ...ทำไมหล่อนถึงได้รู้ตัวช้าอะไรอย่างนี้นะ

จากนั้นแผนการบ่อนทำลายความรักของคนทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพาคู่รักไปคาราโอเกะบาร์ ให้ Kimmy โชว์พลังเสียงห่วยๆ ให้แฟนของเธอได้ฟัง แต่แผนนี้ก็ล้มเหลว หรือว่าจะเป็นการดึงตัว George เพื่อนเกย์ของเธอ มาช่วยหลอก Michael ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเธอแบบที่ไม่ทันจะให้คุณเพื่อนเกย์ได้ตั้งตัวกันเลยสักนิด

ฉากที่ฉันชอบคือตอนที่ตัวละครทั้งหมดนั่งทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง (คลับคล้ายคลับคลาว่าอาจจะเป็นร้านอาหารทะเล เพราะพนักงานในร้านใส่ก้ามปูปลอมสีส้มๆ แดงๆ ด้วย) ขณะที่ George กำลังเล่าเรื่องราวการพบรักกัน (แบบหลอกๆ) ของเขาและ Julianne ให้ทุกคนฟังกันอย่างตื่นเต้น เขาก็ร้องเพลง I Say a Little Prayer ขึ้นมา จากนั้นทุกคนในร้านอาหาร ทั้งลูกค้าที่มากินข้าวก็ร่วมวงร้องเพลงนี้ด้วยกัน รวมไปถึงบรรดาพนักงานในร้านที่สวมก้ามปูปลอม ต่างก็ยกไม้ยกมือก้ามปูขึ้นมาโบกเข้าจังหวะกับการร้องเพลงไปด้วย

อีกหนึ่งฉากประทับใจของฉัน เป็นตอนที่ Julianne เปรียบเทียบตัวเองเป็น jello และเปรียบ Kimmy ว่าเป็น crème brûlée เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างระหว่างตัวเธอกับ Kimmy ซีนนี้ทำฉันนั่งยิ้มขำแบบเอ็นดูความพยายามของนาง (แอบ) ร้ายอย่าง Julianne

โดย Julianne กล่าวว่าแม้ว่า crème brûlée จะดูสวย อ่อนหวาน และสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่ jello กลับเป็นขนมที่น่าจะทำให้ Michael เกิดความรู้สึกผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองมากกว่า จากนั้น Kimmy ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และตามไม่ทันกับนัยแฝงในอุปมานั้น จึงได้กล่าวขึ้นมาว่า ถ้าเป็นแบบนั้น เธอก็จะเป็น jello เมื่อ Julianne ได้ฟัง จึงเกิดอาการหัวร้อน ค้านหัวชนฝาว่า  crème brûlée จะมาเป็น jello ไม่ได้หรอกนะเฟ้ย

ฉากในช่วงท้ายของเรื่องก็สวยมากเลย เหมือนกับการนั่งดูเทพนิยาย ให้ความรู้สึก happily ever after จากนั้นก็เบรกอารมณ์ด้วยมุกขำของ George ที่บอกว่าเมื่อไหร่ที่ Julianne กำลังนั่งพิจารณาเล็บตัวเอง นั่นแสดงว่าเธอกำลังเซ็งเป็ดอยู่ สร้างความพิศวงงงงวยให้กับ Julianne เป็นหนักหนาว่า George รู้ได้อย่างไรกันว่าขณะนั้นเธอกำลังทำอะไรอยู่

และแล้วเรื่องราวในภาพยนตร์ก็เดินทางมาถึงตอนจบ ซึ่งเป็นการจบแบบสวยงาม ตามแบบที่มันควรจะเป็น และทิ้งให้ฉันเฝ้าละเมอเพ้อพกไปกับความหล่อ คม เข้มของ Dermot Mulroney ไปอีกนานแสนนาน

Source
ภาพประกอบ: Photo by Rodolfo Quirós from Pexels

Comments