อร่อยติดดาว


หากใครได้อ่านบทความ “บะหมี่หวาน” จะทราบกันแล้วว่าอาหารมื้อเย็นของเมื่อวานสำหรับครอบครัวฉันคืออะไร และเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง สำหรับอาหารเย็นในวันนี้ จึงถือเป็นการกอบกู้ศักดิ์ศรีเชฟของคุณน้ากลับคืนมา (ท่ามกลางความหวาดหวั่นแบบเงียบๆ ของสมาชิกภายในบ้าน)

เนื่องจากคุณน้าได้ทำการคิดเมนูสำหรับวันหยุดเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะทำอะไรให้ทุกคนกิน ทั้งบะหมี่ปูสำหรับเย็นวันเสาร์ และมื้อเย็นวันอาทิตย์สุขสันต์ ได้แก่ หมี่ผัดผักกระเฉดกุ้ง ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเมนูเชิดหน้าชูตาของคุณน้าเชฟ

ขั้นตอนการทำก็เริ่มที่การไปหาซื้อวัตถุดิบที่ใช้ในการประกอบอาหาร มีทั้งเส้นหมี่ขาว กุ้งทะเล กระเทียม พริกขี้หนู น้ำส้มสายชู (อันนี้ไม่เกี่ยวกับเมนูวันนี้ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครเผลอหยิบขวดน้ำตาลซูโครสมาใช้อีก เลยซื้อขวดใหม่มาซะเลย) และวัตถุดิบสำคัญที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับเมนูนี้ก็คือ ผักกระเฉด หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ผักรู้นอน

ที่มาของชื่อ ผักรู้นอน มาจากการที่ใบจะหุบในเวลากลางคืน ลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของเจ้าผักกระเฉดที่ฉันชื่นชอบคือมันจะมีสิ่งที่คล้ายๆ ฟองน้ำสีขาวเป็นตัวหุ้มระหว่างข้อปล้อง เวลาจับจะนุ่มๆ หยุ่นๆ เมื่อก่อนตอนยังเด็ก พอเห็นว่าเป็นสีขาวและจับแล้วนุ่มมือ ฉันเลยถามน้าว่าตรงนี้กินได้มั้ย น้าหัวเราะพร้อมกับอธิบายว่ามันกินไม่ได้นะหลานเอ๊ย (ดีนะที่เชื่อฟังน้า ไม่ได้ทะเล่อทะล่ากินเข้าไป)

ผักกระเฉดเป็นผักที่ให้ความรู้สึกสิ้นเปลืองนะ เพราะหนึ่งกำจะมีส่วนที่สามารถนำไปใช้ประกอบอาหารได้แค่ตรงยอดอ่อนๆ เท่านั้นเอง ตรงปล้องขาวก็กินไม่ได้ ลำต้นที่แก่เกินไปก็ใช้ไม่ได้ เพราะมันเหนียวเกินกว่าจะเอาไปทำกับข้าว หนึ่งก้านของผักกระเฉดจะสามารถเด็ดมากินได้แค่สองสามยอดแค่นั้น ส่วนที่เหลือก็ต้องทิ้งไป

ขั้นตอนการเด็ดยอดผักกระเฉดกินเวลาไปพอสมควรเลยทีเดียว ส่วนวัตถุดิบอย่างอื่นไม่ต้องเสียเวลาในการเตรียมมากนัก เสร็จจากเด็ดผัก ก็ต้มเส้นหมี่ พร้อมกับการเตรียมเครื่องปรุงรสไปด้วย จากนั้นคุณน้าจะไปล้างกุ้ง แกะเปลือกกุ้ง และเคล้ากุ้งกับดอกเกลือเล็กน้อยเพิ่มรสชาติ แล้วก็นำกุ้งไปผัดกับกระเทียม

การผัดกุ้งในขั้นนี้ ไม่ต้องให้เนื้อกุ้งสุกมาก เอาแค่เริ่มสุกก็พอ เพราะเดี๋ยวจะต้องเอากุ้งลงไปผัดอีกครั้งพร้อมกับเส้นหมี่ เมื่อกุ้งเริ่มเปลี่ยนสี ก็ตักกุ้งที่มีสีส้มสวยและส่งกลิ่นหอมขึ้นมาพักเอาไว้ก่อน

ลำดับต่อไป คุณน้าก็จะเริ่มขั้นตอนการผัดเส้น ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ฉันเฝ้ารอ น้าจะเอาเส้นหมี่มาผสมกับเครื่องปรุงในกะละมังเพื่อให้มันเข้ากัน ก่อนที่จะนำเส้นหมี่ลงไปผัดในกระทะ เวลาผัดเส้นจะได้กลิ่นหอมมาก และมันจะมีส่วนที่เกรียมติดก้นกระทะ นี่แหละของโปรดฉันเลย เส้นหมี่ไหม้ๆ ผสมกับกลิ่นเครื่องปรุงที่มีรสเข้มขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เมื่อน้าผัดหมี่เสร็จและเตรียมตักจากกระทะมาใส่กะละมังพักไว้ก่อน ฉันจะรอเวลาที่จะได้จกส่วนเกรียมๆ ที่ขึ้นจากกระทะในตอนสุดท้าย เพื่อเอาเข้าปากกินด้วยความเอร็ดอร่อย

หลังจากได้หมี่ที่ผัดเอาไว้เรียบร้อย ขั้นต่อไปก็จะเป็นการผัดเต็มรูปแบบแล้วนะ ใครชอบรสชาติไหน เผ็ดมากเผ็ดน้อย รีเควสกันได้ตามใจชอบ เพราะคุณน้าเชฟจะผัดให้จานต่อจานกันเลย เริ่มจากหลานผู้มีต่อมรับรสเทียบเท่าเด็กประถมอย่างฉัน ขอแบบไม่เผ็ด ไร้พริกอย่างสิ้นเชิง จากนั้นก็จะเป็นของผู้ใหญ่ เรียงลำดับตามความเผ็ด ตั้งแต่เผ็ดกลางไปจนถึงเผ็ดมาก

เริ่มจากการตั้งน้ำมันและรอเวลาให้ไฟแรงและกระทะร้อนได้ที่ จากนั้นน้าจะเทผักกระเฉดที่ปรุงรสเอาไว้ก่อนแล้วลงไป โอว...ไฟลุกฉ่าขึ้นมาจากกระทะเป็นสีส้มเลย เหมือนกับเวลาผัดผักบุ้งไฟแดงน่ะแหละ จากนั้นก็ตามด้วยกุ้งและเส้นหมี่ที่ผัดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ผัดจนทุกอย่างสุกได้ที่ก็ตักขึ้นกระทะ ใส่จานพร้อมเสิร์ฟ

อาหารเย็นวันนี้ รสชาติสมบูรณ์แบบ ไร้ที่ติ ไม่มีการผิดพลาดทางเทคนิคใดๆ ทั้งสิ้นเหมือนเมื่อวาน เพียงตักเส้นหมี่พร้อมผักกระเฉดและกุ้งคำโตๆ เข้าปาก อืม...หอมกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของผักกระเฉด เมื่อรวมกับเส้นหมี่ยิ่งดีเข้าไปอีก ไหนจะเต็มอิ่มกับกุ้งเนื้อแน่น

ไม่ต้องมีมิชลินมาให้ดาว มิชหลานคนนี้แหละ ยกดาวร้อยดวง พันดวง หมื่นแสนล้านดวงให้กับคุณน้าเชฟกันไปเลย วันนี้ทุกคนอิ่มอร่อย รสชาติบะหมี่หวานที่ทุกคน (ยกเว้นฉัน) ได้ลิ้มรสไปเมื่อวานก็เหมือนจะเลือนๆ ไปแล้ว เพราะโดนความอร่อยของหมี่ผัดผักกระเฉดกุ้งทำให้ฟิน ยิ้มแก้มปริ

กินข้าวกันรึยังเอ่ย ขอให้กินกันให้อร่อยนะ Bon Appétit!

Source
ภาพประกอบ: Photo by Plush Design Studio from Pexels

Comments