วันนี้เราจะมารีวิวเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายกันค่ะ ผิด! ไม่ใช่ แต่อย่างน้อยเรื่องราวที่จะเขียนในวันนี้ก็เกี่ยวกับเสื้อผ้านั่นแหละ ฉันเชื่อว่าสตรีทั้งหลายล้วนเคยผ่านห้วงอารมณ์ประมาณว่ามีเสื้อผ้าอยู่เต็มตู้ แต่กลับเลือกตัวที่ถูกใจออกมาใส่ไม่ได้ และลงท้ายด้วยการรำพึงรำพันอย่างท้อแท้กับตัวเองว่า “ไม่มีชุดใส่เลย”
ไอ้ที่พูดว่าไม่มีชุดใส่นั่นน่ะ ค่อนข้างมั่นใจอีกแหละว่าหากพวกมนุษย์ผู้ชายมาได้ยินเข้า น่าจะเกิดอาการพิศวงงงงวยกับคำบ่นของพวกเราเหล่าสตรี ผู้ชายบางคนอาจเอ็นดูพวกเราจนถึงขั้นอยากจับหัวมาโขกกำแพงเบาๆ เผื่อว่าตรรกะที่ผิดเพี้ยนเหล่านี้จะหลุดหายไปจากเซลล์สมอง และทำให้สติสตังค์ของพวกเรากลับคืนมาก็เป็นได้
อืม...ในความเป็นจริง คงไม่มีชายหนุ่มคนไหนนึกอยากจับหัวหญิงสาวมาโขกกำแพงเพียงเพราะพบเจอเหตุผลแบบนี้กันหรอก (มั้ง) ในฐานะที่เป็นมนุษย์ผู้หญิงคนหนึ่ง วันนี้ฉันจะขอออกตัวแทนเหล่าหญิงสาวคนอื่นๆ ที่อาจจะเคยพบเจอประสบการณ์แบบเดียวกัน เผื่อว่ามันจะทำให้ผู้ชายเข้าใจพวกเรามากขึ้น (หวังว่าจะเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจ ก็...ช่างเถอะ)
ฉันคิดว่าอันความเป็นผู้หญิงของพวกเรานี่ มันน่าจะถือได้ว่าเป็นศาสตร์ลี้ลับอย่างหนึ่งที่ยากแก่การหาคำนิยาม และพยายามทำความเข้าใจนะ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เรื่องผู้หญิงกับเสื้อผ้านี่แหละ
สมมติว่าผู้หญิงอย่างเราๆ จะออกไปข้างนอก เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อตัวนั้นมาลอง ทาบกางเกงตัวนู้นเข้ากับตัว อืม...ยังไม่ถูกใจ เปลี่ยนใหม่ดีกว่า เดินไปหยิบกระโปรงจากอีกตู้มาหน้ากระจก อ้าวแล้วกัน มันก็ไม่เข้ากับเสื้อตัวที่เลือกมาก่อนหน้านี้น่ะสิ ไม่เป็นไร เดินไปเลือกเสื้อใหม่ก็ได้ เอ...ตัวสีน้ำเงินนี้ดีมั้ยนะ แต่ตัวสีเทาก็น่าสนนะ เอาไงดีล่ะ
นั่นแหละค่ะท่านผู้อ่าน มันจะวนไปวนมากลายเป็นวงจรแบบนี้อยู่พักใหญ่ ตัดสินใจไม่ได้ซะที เมื่อรู้สึกตัวอีกทีและหันไปมองรอบตัว เสื้อผ้าก็ถูกนำมากองกระจัดกระจายเต็มเตียงนอนไปแล้ว ตอนนั้นเสียงเพลงก็ขึ้นมาในหัว “แล้วเธอเลือกอะไรได้ไหม เลือกให้มันว่องไวได้หรือเปล่า”
อีกตัวอย่างคลาสสิก (ตรงไหน) ที่เคยเกิดกับฉันคือ การเลือกซื้อรองเท้า เคยเป็นกันไหม เวลาที่ไปเดินเลือกรองเท้าแล้วเกิดไปเจอแบบที่ถูกใจ แต่มันดันมีหลายสีจนทำให้เกิดความลำบากใจเล็กๆ ไปถึงค่อนข้างมากในการที่จะต้องชี้ขาดว่าจะเอาสีไหนดี (เชื่อเถอะ มันเป็นความรู้สึกที่ทรมานใจมาก)
หันไปด้านซ้าย เจอกับคู่สีดำที่สามารถนำมา mix&match ได้กับหลายโอกาส แต่เมื่อมองไปด้านขวา คู่สีน้ำตาลมันก็ดูดีอยู่นะ มองเลยถัดไปสีน้ำเงินก็สวยเก๋ ฮือๆ ทำไมฉันต้องเลือกด้วยเล่า เอาไงดีฟระ ใจเย็นๆ ไปเดินเล่นแผนกอื่นเพื่อเป็นการสงบสติอารมณ์ก่อนดีกว่า ระหว่างนั้นอาจจะเห็นทางสว่างและตัดสินใจได้ว่าควรจะพาคู่ไหนกลับบ้าน
อนิจจา ไปเดินเล่นจนกลับมา ณ จุดเดิม ความคิดก็ยังไม่ตกตะกอน (หรือตะกอนอาจถูกกวนจนขุ่นคลั่กมากกว่าเดิมซะอีก) หันไปมองหน้าคุณน้องพนักงานที่คงพอจะจดจำฉันได้ แบบคุณน้องพนักงานอาจจะคิดอยู่ในใจว่า “ยัยลูกค้าบ้าบอนี่กลับมาอีกแล้ว ลังเลอยู่นั่น เลือกไม่ได้ซะที ตรูอุตส่าห์พูดเชียร์สีนั้นสีนี้จนปากเปียกปากแฉะ รอบนี้หมดกรุคำพูดจะเชียร์แล้วนะเฟ้ย”
บางครั้งเมื่อประสบกับปัญหาทำนองนี้ จะลงท้ายด้วยการที่ฉันได้รองเท้ามาเกินจำนวนที่ตั้งใจไว้แต่แรก แบบอยากได้สีดำ แต่สีน้ำเงินก็สวยไงเลยเอามาด้วย (ท่ามกลางความดีใจและโล่งใจของคุณน้องพนักงาน) แต่ แต่ แต่...จะทำแบบนี้ได้ ต้องผ่านการคำนวณและถามตัวเองในใจมาเรียบร้อยแล้วว่า ถ้าแกริอยากจะทำตัวเป็นสาวสายเปย์แบบนี้ แน่ใจแล้วใช่หรือไม่ว่ายังคงพอมีกินมีใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนจนกว่าเงินเดือนงวดหน้าจะออก
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉันจึงได้แต่ยิ้มละเหี่ยใจตามลำพัง สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจค่ะ พร้อมกันนั้นก็ปลอบใจตัวเองไปด้วยว่า เอาน่า ยังไงตอนนี้ก็ได้กินความอิ่มเอมใจจากรองเท้าคู่ใหม่ถึงสองคู่ไปแล้วไง ไว้ใกล้สิ้นเดือนจริงๆ ค่อยเศร้าเนอะ
ความแตกต่างระหว่างเฉดสี เป็นอีกประเด็นที่ฉันอยากจะบอกกล่าวเช่นกัน สมมติว่าคุณกำลังอยู่ในร้านเสื้อผ้า เมื่อมองไปที่ราวแขวน ได้พบกับเสื้อแบบเดียวกันแต่แขวนไล่เรียงเฉดสีอย่างเป็นระเบียบ ชวนให้เข้าไปหยิบจับเหลือเกิน มีทั้งสีขาว เบจ ครีม งาช้าง ฟ้าอ่อนเบบี้บลู น้ำเงินกรมท่า ชมพูพาสเทล โอลด์โรส บานเย็น น้ำตาลกาแฟ น้ำตาลโกโก้ ไปจนถึงสีเทาและสีดำ
เมื่อคุณมองไปที่เสื้อผ้าบนราวนั้น คุณคิดอย่างไรกันบ้าง บางคนอาจเลือกหยิบสีที่ถูกใจมาจากราวแขวนและเดินไปจ่ายเงิน เสร็จสิ้นการซื้อของในเวลาเพียงไม่นาน แต่มันก็จะมีมนุษย์อยู่บางจำพวก (เช่นฉันเป็นต้น) ที่เกิดอาการหวาดวิตกเมื่อได้เห็นความสีสันคัลเลอร์ฟูลเยี่ยงนั้น
อาการรักพี่เสียดายน้องจะกำเริบทันที ลองหยิบสีเบจมาเทียบกับตัวอยู่หน้ากระจก ก็สวยดีนะ (ที่สวยน่ะ เสื้อนะ 555) ทดไว้ในใจก่อน หันไปมองสีเบจ นั่นมันก็น่าจะเข้ากับสีผิวเราได้อยู่ แต่สีงาช้างก็น่าสนนะ ไม่ค่อยเห็นใครทำเสื้อสีนี้เท่าไหร่เลย มั่นใจว่าใส่แล้วต้องปังแน่ๆ (มั่นแบบผิดๆ มั้ยแก)
หากใครเคยมีอาการแบบฉัน นั่นแสดงว่าเราคงเป็นมนุษย์จำพวกคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง และเชื่อว่าคุณน่าจะเห็นพ้องกับฉันว่าทั้งสีขาว เบจ ครีม และงาช้างล้วนแตกต่างกันทั้งสิ้น เวลาใส่มันก็จะให้อารมณ์ที่แตกต่างกันไปด้วย จริงมั้ย มั้ย มั้ย (นี่กำลังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีคนพยักหน้าเห็นด้วย)
เมื่ออ่านมาจนถึงตรงนี้ ใครที่รู้สึกว่า ใช่เลย อารมณ์แบบนี้เราก็เคยเป็นนี่หว่า ให้คิด (เข้าข้างตัวเองไว้ก่อน) ว่า พวกเราก็ยังคงเป็นคนปกติเนี่ยแหละ ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากชาวบ้านที่เขาเลือกซื้อเสื้อผ้าและจ่ายเงินเสร็จกันไปนานแล้ว จริงอยู่ว่าเราอาจจะใช้เวลาในการตัดสินใจนานหน่อย แต่ท้ายที่สุดแล้ว หญิงเยอะอย่างพวกเราก็จะตัดสินใจได้ แล้วเดินออกจากร้านพร้อมถุงใส่สินค้าที่ภายในบรรจุเสื้อตัวที่ถูกใจ (และหลายครั้งอาจจะมากกว่าหนึ่งตัว)
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment