หากให้จัดลำดับฝีมือการทำอาหารของสมาชิกภายในบ้านของฉัน แน่นอนว่าตำแหน่งมือวางอันดับหนึ่งจะต้องตกเป็นของคุณน้าคนที่สองที่ทำกับข้าวได้อร่อย จนทุกคนในบ้านไว้วางใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการยกตำแหน่งเชฟประจำบ้านให้คุณน้า
ใครที่เคยได้อ่านบทความเก่าๆ ของฉันมาบ้าง ก็น่าจะผ่านหูผ่านตากับเรื่องราวเกี่ยวกับอาหารฝีมือคุณน้าเชฟที่ฉันเคยได้เล่าให้ฟังไปก่อนหน้านี้ แต่วันนี้ฉันขอเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการมาเล่าถึงอาหารฝีมือแม่ของฉันบ้าง
ถ้าให้นึกถึงอาหารฝีมือแม่ เมนูประจำของแม่ที่ฉันได้กินบ่อยที่สุด น่าจะเป็นไข่นึ่ง (บางบ้านเรียกไข่ตุ๋น) ที่ระดับความเค็มจะหลากหลายกันไปตามปริมาณน้ำปลาที่แม่ใส่ในแต่ละครั้ง บางวันไข่นึ่งของแม่ก็เค็มน้อย แต่ส่วนใหญ่จะค่อนไปในทางเค็มมาก
เกือบทุกครั้งที่แม่ทำไข่นึ่ง เมื่อฉันมองไปที่ชามไข่ก็จะได้พบกับร่องรอยเว้าแหว่งเป็นรูปโค้งๆ ซึ่งมาจากขอบช้อนกลางที่แม่ลองตักชิมรสชาติของไข่ที่นึ่งสุกแล้ว วันไหนไข่นึ่งของแม่มีรสชาติเค็มเกินค่าเฉลี่ย ฉันมักจะได้ยินคำพูดออกตัวของแม่ ประมาณว่ากะปริมาณน้ำปลาไม่ถูกบ้าง กลัวไข่จะจืดไปบ้าง หรือไม่ก็ “แม่ว่าแม่แค่ใส่น้ำปลาเพิ่มไปอีกนิดเดียวเองนะ ทำไมรสชาติมันถึงออกมาเค็มเกินได้ก็ไม่รู้สิ”
หากมื้อนั้น พ่อจ๋าได้ลองตักชิมไข่นึ่งเค็มเกินพิกัดของแม่ ฉันเดาได้เลยว่าจะต้องได้ยินเสียงบ่นตามมา เนื่องจากพ่อเป็นคนไม่ชอบอาหารรสเค็มจัด จากนั้นพ่อจะหันไปหาอาหารอย่างอื่นแทน ปล่อยให้ฉันที่ไม่สะทกสะท้านกับความเค็ม นั่งกินไข่นึ่งที่ผิดพลาดทางเทคนิคของแม่ต่อไปอย่างเอร็ดอร่อย ซึ่งแม่ก็จะบอกว่าพลาดไปเล็กน้อยเอง เดี๋ยวครั้งต่อไปจะไม่ทำให้ออกมาเค็มแบบนี้อีกแล้ว (แต่หลายครั้งต่อจากนั้น ระดับความเค็มก็ไม่เปลี่ยนแปลงนะ)
นอกจากไข่นึ่งเค็มๆ สไตล์แม่ (ที่พ่อจ๋าไม่ค่อยปลื้ม) แล้ว แม่ก็ยังมีอีกหนึ่งเมนูที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาได้ และเมนูนั้นก็คือหอยลายผัดเต้าเจี้ยว วันไหนพ่อจ๋าหรือแม่ไปเดินตลาด แล้วโชคดีได้เจอหอยลายสดๆ จะซื้อกลับบ้านเอามาทำเมนูนี้ให้ฉันได้กิน บางครั้งเวลาผัดออกมาแล้ว ได้ตั้งสองจานใหญ่เลยทีเดียว
แต่...อาหารเมนูนี้ของแม่ ใช่ว่านึกอยากกินเมื่อไหร่ก็จะได้กินง่ายๆ นะ มันเหมือนกับต้องอาศัยจังหวะและโชคช่วยอยู่บ้าง วันไหนที่ตลาดไม่มีหอยลายมาขาย เมื่อขาดวัตถุดิบสำคัญไป ฉันก็ต้องอดกินไปตามระเบียบ เศร้าจัง
หอยลายผัดเต้าเจี้ยวเป็นหนึ่งในเมนูโปรดของฉันเลยล่ะ วันไหนที่แม่ทำเมนูนี้ วันนั้นฉันจะกินข้าวในปริมาณมากเกินกว่าปกติ สองจานสามจานกันไปเลย เรียกว่าไม่หมดก็ไม่เลิกนั่นแหละ
เริ่มจากการแกะเนื้อหอยลายใส่ไว้ในจานข้าว ตักน้ำปรุงรสและเม็ดเต้าเจี้ยวมาราดตัวหอย พร้อมกับให้น้ำปรุงรสนั้นไหลซึมลงไปในตัวข้าวด้วย จากนั้นก็ตักใบโหระพามาโปะบนตัวหอยอีกที แล้วก็ตักเข้าปาก ฮือๆ มันดีงามมาก ทั้งความหอมจากใบโหระพา ความหวานสดจากเนื้อหอย ความเค็มจากน้ำปรุงรสและเม็ดเต้าเจี้ยว
เออ! เกือบลืมบอกไปเลยว่า เวลากินหอยลายเนี่ย มีข้อควรระวังอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ให้สังเกตดูว่าหอยตัวไหนที่เปลือกไม่ยอมอ้า แม้ว่าจะผ่านความร้อนจากการผัดในกระทะมาแล้วก็ตาม สันนิษฐานเอาไว้ก่อนเลยว่า หอยนั้นไม่มีเนื้ออยู่ข้างในแล้ว สิ่งที่อยู่ข้างในคือเศษดิน เวลาจะแกะหอยจำพวกนี้ อย่าเอามาแงะในจานข้าว เพราะเศษดินอาจจะหล่นใส่ข้าว กินไม่ได้ เสียดายข้าวไปอีก
เมื่อนั่งกินหอยลายไปจนหมดเกลี้ยงจาน ฉันก็ยังคงไม่เลิกราจากการกิน เพราะลำดับต่อมา จะเป็นการคลุกข้าวเคล้ากับน้ำที่เหลือ พร้อมกับเต้าเจี้ยวและใบโหระพา คลุกทุกอย่างเข้ากันดีแล้วก็เอาเข้าปาก เคี้ยวไปอย่างมีความสุข หอม เค็ม ฟิน
วันไหนที่แม่ประกาศว่าจะทำหอยลายผัดเต้าเจี้ยว เป็นอันว่าวันนั้นจะไม่เห็นฉันออกอาการอิดออดในการกินข้าว แต่กลับตั้งหน้าตั้งตารอให้แม่ผัดให้เสร็จเร็วๆ ระหว่างนั้นก็คดข้าวใส่จานรอไว้ท่า
เมื่อแม่เดินมาพร้อมจานหอยลายที่มีควันลอยกรุ่นพร้อมกลิ่นหอมฟุ้ง รอจนแม่วางจานลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงเป็นเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง ฉันจะนั่งกินข้าวด้วยความเจริญอาหาร มื้อนั้นถือเป็นมื้ออร่อยเด็ด และสามารถลงบันทึกไว้ได้เลยว่าเป็นวันที่ฉันกินข้าวเปลืองที่สุดวันหนึ่ง
Source
ภาพประกอบ: Photo by Gord Maclean from Pexels
Comments
Post a Comment