วันนี้ตอนเย็น มีแมลงเม่าจำนวนหนึ่งมาบินวนอยู่รอบหลอดไฟฟ้าด้านหลังบ้าน ถ้าบินตอมหลอดไฟอย่างเดียวก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่นี่บินอยู่ ปีกบางๆ ของเจ้าแมลงก็หล่นปลิวว่อนตรงอ่างล้างจาน ฉันที่กำลังกินลูกตาลลอยแก้วอยู่อย่างเอร็ดอร่อยแถวนั้น เลยต้องอพยพตัวเองเข้าไปนั่งกินบนโต๊ะอาหารในบ้านแทน
อุตส่าห์คิดว่ารอดจากการกินปีกแมลงเม่าแล้ว ก็ยังจะมาเจอยุงบินหึ่งๆ อยู่ใกล้ตัว บินไม่พอ ยังมาดูดเลือดฉันไปเป็นอาหารของมันอีก หลังจากนั่งทำตัวเป็นคนใจบุญ บริจาคเลือดเป็นอาหารยุงไปพักหนึ่งก็เริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป ทั้งคัน ทั้งรำคาญเสียงหึ่งๆ จากนางฟ้าปีกขาว ฉันเลยกลายร่างเป็นนางมารปีกแมลงเม่า เฝ้าตั้งสมาธิ จับตาการเคลื่อนไหวของยุง จากนั้นยกสองมือขึ้นและ...ตบสิคะ รออะไร เดี๋ยวมันจะบินหนีไป
ผลเป็นไง ยุงแบนคามือเลยค่ะ แถมมีเลือดของฉันหย่อมเล็กๆ ติดบนฝ่ามือมาด้วย ต้องออกไปล้างมือให้สะอาดอีก เปิดประตูบ้านไป จ๊ะเอ๋! เจอคางคกวัยรุ่นสองตัวกำลังนั่งหันหน้ามาทางฉัน ส่งสายตาให้กันปิ๊ง ปิ๊ง ปิ๊ง
เหวอ! ตกใจจนอยากปิดประตูหนี แต่ในเมื่อเจ้าคางคกคู่นั้นยังคงนั่งนิ่งอยู่ (มันน่าจะรอดูท่าทีของฉัน เหมือนกับที่ฉันเหล่มันนั่นแหละ) ฉันก็เลยเดินเลี่ยงไปให้พ้นรัศมีการกระโดดของมัน ใครจะไปรู้เล่า เดี๋ยวมันเกิดคึกขึ้นมา กระโดดตุ้บๆ มาหา คิดแล้วก็ขนลุก บรึ๋ยยยย
นึกไปนึกมา เมื่อกลางวันตอนกำลังกวาดบ้านอยู่ ฉันก็เจอแมลงสาบวัยรุ่นเหมือนกันนี่ กำลังเดินเล่นอย่างสบายอารมณ์ใต้โต๊ะอาหาร แต่บนโต๊ะและละแวกใกล้เคียงตรงที่มันเดินอยู่ก็ไม่มีอาหารอะไรให้มันใช้เป็นเสบียงหรอกนะ เศษอาหารก็ไม่มีหล่น แล้วมันจะมาทำไมมิทราบ
เห็นดังนั้น ฉันเลยใช้ไม้กวาดและที่โกยผงที่อยู่ในมือเป็นอาวุธ จัดการกวาดเจ้าแมลงสาบใส่ที่โกยแล้วรีบเอาไปปล่อยนอกบ้านด้วยความบรึ๋ยใจ พอคว่ำที่โกยผง เจ้าแมลงสาบดันหงายท้อง ขาชี้ฟ้าอีกแหนะ ฉันยืนดูอยู่พักหนึ่ง เห็นว่ามันยังไม่สามารถพลิกตัวกลับขึ้นมาได้ นึกสงสาร เลยเอาไม้กวาดช่วยมันพลิกตัว
โอว...พอจับมันพลิกเท่านั้นแหละ เหมือนมันจะวิ่งหัวซุกหัวซุนเลยทีนี้ วิ่งไปทางไหนไม่ไป ดันมาทางที่ฉันยืนอยู่ซะนี่ เจ้าพวกแมลงสาบนี่มันมีเรดาร์จับการเคลื่อนไหวของมนุษย์หรือไงนะ ทำไมถึงชอบวิ่งเข้าหาคนกันนัก
จากนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอ ก็หนีน่ะสิ วิ่งหนีจนรองเท้าแตะหลุดกระเด็นไปข้างหนึ่งเลย ดีนะที่คราวนี้ไม่ได้ร้องกรี๊ดๆ ไปด้วย ไม่งั้นจะดูเสียสติโดยสมบูรณ์แบบตามลำพัง
ในบรรดาสัตว์ที่เจอทั้งสามชนิดในวันนี้ ฉันว่ายุงเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงได้ยากที่สุดแล้ว ไม่ว่าฉันจะเดินหนีไปไหน ยุงมันก็สามารถตามไปได้ กินเลือดฉันไป แล้วยังจะทิ้งตุ่มยุงกัดคันๆ ไว้ตามแขนขาอีก
จะฉีดพวกสเปรย์กันยุง ฉันก็ไม่ค่อยชอบกลิ่นของมันซะเท่าไหร่ จะฉีดยากันยุง มันก็เหม็นนะ จะจุดยากันยุง เฮ้อ...ตอนนี้แกยังดมฝุ่นเข้าไปไม่พออีกเรอะ หรือว่าต้องกินทุเรียน ให้กลิ่นทุเรียนแทรกซึมเข้าไปในเลือด ยุงมันจะได้ไปห่างๆ (บ้ารึป่าว ใครบอกแกกันว่ายุงไม่ชอบกลิ่นทุเรียน มันอาจจะยิ่งบินเข้าหาแกก็ได้ ที่สำคัญคือแกจะบังคับตัวเองให้ยอมกินทุเรียนได้สำเร็จจริงเร้อ)
ส่วนแมลงเม่า ถ้าไม่นับความหงุดหงิดใจที่ต้องมานั่งกวาดซากของมันหลังจากปีกหลุด รวมทั้งปีกแสนบางเบาที่เวลากวาดก็ปลิวว่อนไปทั่ว ก็ถือว่ายังพอโอเค มาถึงแมลงสาบ ถ้ามันเป็นแมลงสาบในสภาพอารมณ์ปกติ ก็ไม่ค่อยมีปัญหานะ เพียงแต่อย่าเข้ามาในบ้าน และอย่าตกใจจนกางปีกบินก็พอ
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment