สมัยยังเด็ก วันไหนเกิดอยากกินไอติมขึ้นมา เป็นอันว่าวันนั้นฉันจะต้องวนเวียนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน คอยด้อมๆ มอง ๆ พร้อมกับการเงี่ยหูฟังเสียงดนตรีจากรถไอติม เมื่อได้ยินเสียงดนตรีแว่วเข้าหูเมื่อไหร่ แทบจะถลาไปเปิดประตูบ้านเพื่อเรียกรถไอติมในทันใด
ก่อนการมาถึงของไอติมวอลล์ เด็กในรุ่นเดียวกันหรือใกล้เคียงกับฉันน่าจะต้องคุ้นเคยกับไอติมโฟร์โมสต์มาก่อน แน่นอนว่าเด็กทุกคนย่อมมีไอติมที่ตัวเองชอบกินมากเป็นพิเศษ ฉันก็เช่นเดียวกัน โดยไอติมที่ฉันชอบมากของโฟร์โมสต์ คือ ยักษ์คู่กลิ่นองุ่น
ตอนนั้นซองไอติมยังเป็นซองกระดาษอยู่เลย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นคู่ หนึ่งซองจะมีไอติม 2 แท่งที่ตัวติดกันเป็นแฝดอิน-จัน เหมือนจะจำได้ว่ามีกลิ่นส้มกับกลิ่นองุ่น พอกินหมด สีของไอติมก็จะติดอยู่ที่ริมฝีปากไปด้วย
ความสนุกของการกินไอติมโฟร์โมสต์สำหรับฉันในเวลานั้น น่าจะอยู่ที่การได้เปิดฝารถไอติม จากนั้นก็เขย่งตัวเพื่อที่จะยื่นหน้าเข้าไปดูในรถ พร้อมกับการเอามือค้นหาไอติมที่อยากกินไปด้วย มันจะให้อารมณ์ประมาณกำลังค้นหาขุมสมบัติล้ำค่า อะไรแบบนั้น เวลาเจอของที่ตัวเองต้องการ โอ๊ย! แสนจะดี๊ด๊า อารมณ์ดี แต่ถ้าคุ้ยยังไงก็ยังไม่เจอ เมื่อนั้นก็ต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากพี่คนขาย ถ้าของที่ฉันต้องการ เกิดหมดไปแล้วในวันนั้น ก็จะเกิดอาการ sad เล็กน้อย
ต่อมาเมื่อโตขึ้นมาหน่อย ได้ไปกินไอติมที่ร้าน Swensen’s มันก็จะได้อารมณ์ตื่นเต้นคนละแบบ จากการคุ้ยหาไอติมที่ถูกใจจากรถขายไอติม เปลี่ยนเป็นการไปเกาะตู้กระจกใส มองดูบรรดาไอติมหลากหลายรสชาติ พร้อมกับคิดไปด้วยว่าจะเลือกสีไหนดีหนอ
ใครที่ได้อ่านบทความเรื่อง ของหวาน ที่ฉันเขียนเมื่อวานนี้ น่าจะพอทราบแล้วว่า ฉันเป็นคนไม่ชอบรสชาติหวานสักเท่าไหร่นัก เมื่อมาถึงเรื่องไอติม ก็ยังคงจุดยืนเดิม ไม่เอาหวาน ทำให้ตัวเลือกของฉันจะไม่ใช่ไอติมทั่วไป อย่างพวกช็อกโกแลตชิพ สตรอว์เบอร์รี หรือวนิลา อะไรเทือกนี้ ไม่ใช่แนวฉันเลย
ไอติมประเภทที่ฉันถูกใจจึงเป็นประเภท sherbet ซะมากกว่า และไอติมรสชาติที่ฉันชอบมากของ Swensen’s คือ Yogen Berry ที่จะมีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ เวลากิน คล้ายกับกำลังเคี้ยวขนมซูกัสอย่างไรอย่างนั้น ให้กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
แต่น่าเศร้ามากที่ทางร้านเลิกผลิตไอติมรสนี้ไปแล้ว สงสัยจะไม่ค่อยมีคนชอบกินเท่าไหร่มั้ง (ทำไมถึงไม่ชอบนะ มันออกจะอร่อย) ตอนที่รู้จากคุณน้องพนักงานที่คอยรับออเดอร์ว่า Yogen Berry ไม่ทำออกมาขายแล้ว ฉันนี่ซึมเป็นหมาหงอยไปเลย จุดนั้นอยากไปคุกเข่าอ้อนวอนผู้บริหารให้เปลี่ยนใจ และนำ Yogen Berry กลับมาเหลือเกิน
ช่วงหลังเวลาที่ไปกิน Swensen’s ฉันก็เลยต้องเบนเข็มไปหา sherbet รสชาติอื่นแทน แต่ก็ช่างน่าเศร้าที่ไม่มีรสไหนจะมาแทนที่ Yogen Berry ที่ฉันชอบได้เลย บางครั้งฉันก็เลยเปลี่ยนใจ หันไปสั่งเป็นรสชาเขียวแทนซะเลย
ลืมเล่าไปว่า ครั้งหนึ่งฉันกับน้องเคยลงแข่งกินไอติมที่ร้านนี้ด้วยนะ เนื่องจากช่วงนั้นยังเป็นเด็ก พอเดินเข้าร้าน กำลังจะสั่งไอติมมากิน คุณพี่พนักงานขายก็นำเสนอโปรโมชันทันที เป็นการกิน earthquake ให้หมดภายใน 5 นาที ถ้าทำภารกิจสำเร็จ จะได้เสื้อยืดเป็นของรางวัลคนละตัว แล้วเด็กที่แสนจะถูกชักจูงได้ง่ายอย่างฉันหรือจะรอด นั่งรอไม่นาน ไอติม 8 ลูก ก็มาเสิร์ฟถึงโต๊ะในชามแก้วใส พร้อมเชอร์รีที่เป็นท็อปปิ้งและวิปครีมที่โปะมาอีกมากมายมหาศาล
นั่นน่าจะเป็นการกินไอติมที่ให้ความทรมานที่สุดแล้ว ตอนแรกสองพี่น้องก็กินกันด้วยความสดชื่น แจ่มใสดีอยู่หรอก พอกินมาถึงลูกที่สอง ฉันก็เริ่มอิดออดที่จะกินเชอร์รีลูกสีแดงๆ เพราะไม่ชอบมาแต่ไหนแต่ไร วิปครีมก็เอียนจัง ไม่อยากกินแล้ว จึงตกลงทำสนธิสัญญาพี่น้อง ให้น้องกินเชอร์รีกับวิปครีมในส่วนของฉัน และฉันก็รับไอติมในส่วนของน้องมากินแทน
วันนั้นจบลงที่เราพี่น้อง สามารถพิชิตภารกิจนั้นได้ในระยะเวลา 4 นาทีกว่าๆ ได้เสื้อยืดลายไอติมไซส์ XL เป็นของที่ระลึกกลับบ้านมาคนละตัว พร้อมกับเพดานปากที่ถลอกปอกเปิกจากการกินของเย็นจัดติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเป็นของแถม
สิ่งที่น่าเศร้ากว่าเพดานปากที่บอบช้ำคือ เราก็ยังคงต้องจ่ายค่าไอติมในราคาเท่าเดิมอยู่ดี (อยากร้องไห้ก็ตรงนี้แหละ) ไม่ได้เป็นการกินฟรีแต่อย่างใด เสื้อยืดที่ได้มาจากการแข่งขันในครั้งนั้นก็ไม่เคยได้หยิบออกมาใส่ ปากก็เจ็บ และนั่นก็เป็นประสบการณ์จากการลงแข่งกินไอติมครั้งแรกและ (หวังว่าคงจะเป็น) ครั้งเดียวในชีวิตของฉันและน้อง
Source
ภาพประกอบ: Photo by Karol D from Pexels
Comments
Post a Comment