ฉันกับน้องถูกจับเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เวลาเรียนของพวกเราคือบ่ายสามโมง ซึ่งแดดยังเปรี้ยงอยู่เลย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแม่นึกยังไงขึ้นมา อาจจะอยากให้ลูกได้รับวิตามินดี ดำ กันอย่างเต็มที่ ถึงจับพวกเราพี่น้องไปลงน้ำท่ามกลางแสงแดดแผดเผา
การเรียนในตอนนั้น จะเริ่มเรียนตั้งแต่การนั่งบนขอบสระแล้วเอาเท้าตีน้ำ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับน้ำซะก่อน จากนั้นก็เริ่มลงน้ำแบบเบื้องต้น โดยเอามือจับขอบสระไว้ แล้วก้มหน้าลงไปในสระ เพื่อฝึกการหายใจในน้ำ เมื่อครูฝึกเห็นว่าเริ่มหายใจคล่องแล้ว ลำดับถัดจากนั้น ฉันจึงได้รับแผ่นโฟมเพื่อเอาไว้ใช้เรียนการถีบขาในน้ำ นั่นถือเป็นการลงสระแบบเต็มตัวของฉันอย่างแท้จริง
ฟรีสไตล์เป็นท่าว่ายน้ำท่าแรกที่ครูสอน ซึ่งก็ไม่ได้ยากมากนักในความรู้สึกของฉัน เนื่องจากท่านี้สัมพันธ์กับการฝึกหายใจในน้ำที่ได้เรียนไปก่อนหน้า ฉันจึงไม่มีปัญหาในการเรียนมากนัก
กรรเชียงเป็นท่าที่สองที่ได้เรียน ซึ่งฉันค่อนข้างกังวลกับท่านี้มาก เพราะแทนที่จะคว่ำหน้าลงน้ำ กลับกลายเป็นการหงายหลังมองท้องฟ้า เวลาฝึกท่านี้เมื่อไหร่ ต้องให้น้องเป็นคนคอยช่วยดูลาดเลาว่าใกล้ถึงขอบสระรึยัง แต่บางทีน้องก็มัวแต่เพลินกับการเล่นน้ำ ทำให้หัวฉันโขกกับขอบสระอยู่หลายครั้ง
กบเป็นท่าโปรดของฉัน เพราะท่านี้ไม่ต้องเอาขาตีน้ำอย่างฟรีสไตล์หรือกรรเชียง แต่เปลี่ยนเป็นการถีบน้ำแทน แถมฉันยังชอบการเคลื่อนไหวมืออีกด้วย กบจึงเป็นท่าว่ายน้ำที่ฉันชอบมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ มีโอกาสไปว่ายน้ำทีไร ฉันจะกลายร่างเป็นกบทุกครั้ง
มาถึงท่าสุดท้าย ผีเสื้อ ในความรู้สึกของฉันนั้น คิดว่าท่านี้เป็นท่าที่กินพลังงานมากที่สุด ไหนจะมือที่ต้องวาดเป็นรูปทรงตามแบบที่ครูสอน และต่อด้วยส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันหมดแรงคือการยกตัวขึ้นสยายปีกผีเสื้อ นี่เป็นท่าที่ฉันมีปัญหาในการเรียนมากถึงมากที่สุด จนครูคงคิดว่าผีเสื้อตัวนี้ ไม่น่าจะชอบโบยบินเท่าไหร่
เรียนทั้งสี่ท่าจบแล้ว ตอนนั้นครูยังสอนการกลับตัวในน้ำ เหมือนที่ฉันเคยเห็นพวกนักว่ายน้ำมืออาชีพพลิกตัวตอนลงแข่งในโทรทัศน์ ใช้เวลาเรียนไม่นานเท่าไหร่ก็สามารถทำได้ ตอนที่ยังเรียนอยู่ ฉันสามารถทำได้อย่างคล่องแคล่ว แต่เมื่อเริ่มห่างหายจากการว่ายน้ำ ทักษะนี้ก็เลยพลอยหดหายตามไปด้วย
เพื่อนของฉันสมัยมัธยมคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า มันชอบว่ายท่ากบ เนื่องจากความขี้เกียจถอนขนรักแร้ เพื่อเป็นการตัดปัญหา มันเลยเลือกว่ายท่ากบซะ เพราะไม่ต้องยกแขนขึ้นมาเหนือผิวน้ำ อืม...ก็ดูเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นนะ แต่ที่ฉันชอบท่านี้ เพราะขี้เกียจใช้เท้าคอยตีน้ำตอนว่ายฟรีสไตล์ จะว่ายผีเสื้อก็กลัวปีกจะหลุด และหมดแรงจมน้ำตายก่อนจะถึงฝั่ง
ปัจจุบันนี้ เวลาไปสระว่ายน้ำ ฉันจึงปวารณาตัวเองเป็นกบ หลังจากร้องอ๊บ อ๊บ อยู่หลายรอบแล้ว เริ่มเหนื่อย ก็จะเปลี่ยนมาว่ายกรรเชียง แต่กรรเชียงของฉันจะไม่ใช่การเอาขาตีน้ำ แต่จะเป็นกรรเชียงผสมกบ โดยจะใช้หลักการถีบขาแบบท่ากบ เวลาฉันว่ายท่าผสมที่ดัดแปลงเอาเองแบบนี้ ก็จินตนาการว่าตัวเองประหนึ่งแมงกะพรุนไปด้วย ลอยตัวในน้ำ แหงนหน้ามองท้องฟ้าไป ถีบขากบไป เพลินดีจริงๆ
หลายปีก่อน ฉันเคยไปใช้บริการสระว่ายน้ำใกล้บ้าน พอไปว่ายสักพัก พ่อกับแม่เลยแนะนำให้สมัครสมาชิกไปเลย เพราะอัตราค่าใช้บริการจะถูกลงครึ่งหนึ่งสำหรับสมาชิก แต่ก่อนที่จะเป็นสมาชิกได้นั้น จะต้องผ่านการทดสอบทักษะการว่ายน้ำก่อน
อย่างที่ฉันเคยพูดไปครั้งหนึ่งในบทความเรื่อง Once Learned, Never Forgotten ว่าการว่ายน้ำเป็นหนึ่งในทักษะที่หากเคยได้เรียน ผู้เรียนจะไม่ลืมทักษะนี้ นั่นทำให้ฉันสามารถผ่านการทดสอบในครั้งนั้นได้อย่างราบรื่น แต่เมื่อเป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ฉันกลับไม่ค่อยได้ไปว่าย ทำให้ได้ยินเสียงบ่นจากแม่อยู่เสมอว่าเสียเงินค่าสมาชิกไปโดยเปล่าประโยชน์ สมัครแล้วใช้บริการไม่คุ้มค่า
เมื่ออายุบัตรสมาชิกในคราวนั้นหมดลง เพื่อป้องกันเสียงบ่นด้วยความเสียดายเงินจากแม่ ฉันเลยไม่ได้ไปต่ออายุสมาชิกอีก คิดเอาว่าถ้าอยากว่ายเมื่อไหร่ ก็ค่อยไปจ่ายเงินเป็นครั้งเป็นคราวไปดีกว่า แต่จนบัดนี้ ฉันก็ยังคงเป็นเงือกผู้ร้างลาจากผืนน้ำ เป็นกบที่อาศัยอยู่แต่บนบก ส่วนผีเสื้อน่ะรึ แทบไม่เคยได้สยายปีกอีกเลยตั้งแต่เรียนจบคอร์สในคราวนู้น ท่าทางจะเป็นผีเสื้อกลายพันธุ์ไปซะแล้ว
แมงกะพรุนน่าจะเหมาะกับฉันที่สุด ลอยตุ๊บป่อง ตุ๊บป่องตามน้ำไปเรื่อยๆ จบด้วยท่าหัวโขกขอบสระ โป๊ก!
Source
Comments
Post a Comment