เข้าสัปดาห์ใหม่กับเช้าวันจันทร์ กิจวัตรประจำวันของฉันก็ยังคงเป็นปกติเช่นเดิม เริ่มต้นวันอันสดใสด้วยเสียงปลุกจากสุนัขแสนรัก (ฉันรักมัน แต่มันคงเห็นฉันเป็นศัตรู) ที่เห่าตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น
แม้ว่ายังไม่อยากลุกจากที่นอนอันแสนสบาย หรือเนียนทำเป็นไม่ได้ยิน แกล้งนอนหลับต่อไป เจ้าสุนัขลูกรักก็ไม่หลงกลง่ายๆ (เก่งมากลูก แต่หนูปล่อยให้แม่นอนต่ออีกนิดนึงไม่ได้เหรอ) ในที่สุด เมื่อทนเสียงเห่าเรียกร้องของมันไม่ไหว ฉันจึงต้องตื่นแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก
หลังจากเจ้าตัวยุ่งทำกิจธุระของสุนัขเสร็จเรียบร้อย มันก็จะเดินไปหน้าประตูบ้าน นั่งแนบหน้าแนบพุงไปกับพื้น เพื่อให้สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอกบ้าน และปักหลักอยู่ตรงจุดนั้นไม่ยอมไปไหน ซึ่งบังเอิญว่าฉันน่ะ รู้ความลับของมันดีเลยว่ากำลังตั้งหน้าตั้งตารอแฟน (มโน) ของมันที่บ้านอยู่ใกล้ๆ กัน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าวันนี้เจ้าลูกรักของฉันจะโชคดีได้เจอแฟนมั้ย ถ้าแฟนของมันออกมาเดินเล่นในเวลาเดียวกัน มันก็คงสมหวังแหละ
หลังจากคลุกข้าวให้ลูกรัก พร้อมกับเรียกให้มาทานอาหารเช้าสุดหรูแล้ว ฉันก็ปล่อยให้มันได้นั่งผึ่งลม ตากแดดเป็นหมาไฮโซต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพอเบื่อ มันจะเดินมาเห่าเรียกตรงประตู ขอเข้ามาในบ้านเอง
เมื่อลูกกินอิ่มหนำสำราญใจไปแล้ว ก็ถึงคราวแม่อย่างฉันที่ต้องหาอาหารกิน มื้อเช้าของฉันวันนี้ มีสตรอว์เบอร์รีประมาณสิบกว่าลูก และโยเกิร์ตผสมน้ำผึ้ง อิ่มจากมื้อเช้า ฉันก็ทำกิจวัตรประจำวันอย่างอื่นต่อไป
จนใกล้เที่ยง ฉันเริ่มรู้สึกปวดท้องนิดๆ ตอนแรกก็คิดว่าเกิดจากการกินอาหารไม่ตรงเวลาของตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาการปวดท้องก็ยังไม่หายไป และ...อย่างที่น่าจะพอเดากันได้ หลังจากนั้น ฉันต้องวิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำประมาณสี่ห้ารอบ
โดยระหว่างที่ท้องแผลงฤทธิ์ ฉันไม่กล้ากินอะไรเพิ่มเติมอีกเลย ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น น้ำก็ไม่หิว มันหมดแรงจนไม่อยากจะลุกเดินไปทำอะไรอีกต่อไป ได้แต่นอนแห้งอยู่บนโซฟา ในขณะที่เจ้าลูกรักที่ตอนนั้นเข้ามาพักผ่อนในบ้านเรียบร้อย นอนหลับอุตุอย่างสบายใจ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งสิ้น
ระหว่างที่นอนในสภาพอ่อนระโหยโรยแรง ไม่ต่างกับใบไม้แห้ง ฉันก็นึกทบทวนไปด้วยว่า ตัวเองกินอะไรเข้าไปบ้าง จนมาได้ข้อสรุปว่า น่าจะเป็นเพราะสตรอว์เบอร์รีสิบกว่าลูกที่กินเข้าไปเมื่อเช้านั่นแหละที่เป็นตัวการ คาดว่าฉันอาจจะเอาสตรอว์เบอร์รีแช่น้ำไว้ไม่นานพอที่จะชะล้างสารปนเปื้อนต่างๆ ทำให้สารเหล่านั้นน่าจะยังคงหลงเหลืออยู่บนผิวของผลไม้ที่กินเข้าไป
เมื่อเวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนเย็น ความที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลยหลังจากมื้อเช้า ฉันจึงเริ่มมึนหัว เบลอๆ จะเดินก็โซซัดโซเซ แต่ในใจก็ยังเข็ดขยาด ยังไม่กล้าทานอาหาร เลยได้แต่คว้าน้ำมะนาวโซดากระป๋องที่มีติดตู้เย็น เอามาซดแทนเครื่องดื่มเกลือแร่ เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานบ้าง
หลังจากร่างกายได้รับมะนาวโซดาเข้าไป ก็เริ่มสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย ตอนนั้นภาพบรรดาอาหารหลากหลายชนิด เริ่มวนเวียนอยู่ในหัว หมุนโชว์ตัวไปมาราวกับซูชิสายพาน มีทั้งเฟรนช์ฟรายส์พร้อมแฮมเบอร์เกอร์ ครัวซ็องแฮมชีส ข้าวต้มกุ้ง หรือแม้กระทั่งมาม่าหอมๆ ควันกรุ่นก็มาโผล่ในความคิดของฉันด้วย
แต่มันก็เป็นเพียงการนึกแค่นั้นแหละนะ เพิ่งจะเริ่มได้พลังกลับคืน ฉันคงยังไม่อาจหาญกินอะไรมากมาย ฮีโรของฉันในเย็นวันนี้ จึงได้แก่ มันอาลู หนึ่งในของขบเคี้ยวที่ฉันชอบ สำหรับใครที่ไม่รู้จัก มันอาลู หรือมันกัลยา คือ มันฝรั่งของทางภาคเหนือ สาเหตุที่ฉันชอบกินก็เพราะมันอาลูจะไม่อมน้ำมัน ทานแล้วไม่เลี่ยน
ด้วยความหิวโหย กินหมดซองแรกไปด้วยความรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดซองที่สองต่อทันที ตอนนี้อาการปวดท้องน่าจะหายสนิทแล้ว (มั้ง) เพราะนี่ก็ผ่านมานานแล้ว ท้องไส้ก็ไม่ออกฤทธิ์เดชอะไรอีก
วันนี้ตั้งใจว่าจะเข้านอนแต่หัวค่ำ (แต่ไม่รู้จะทำได้อย่างที่นึกไว้หรือไม่) เพื่อให้ร่างกายที่อ่อนล้าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เตรียมพร้อมรับเสียงเห่าทักทายจากลูกรักในเช้าวันพรุ่งนี้
ก่อนจะไปพักผ่อน ขอขอบคุณอาหารมื้อค่ำวันนี้ มะนาวโซดาและมันอาลู
Source
ภาพประกอบ: Photo by rawpixel.com from Pexels
Comments
Post a Comment