ของหวาน


ในบรรดาของหวานทั้งหลายทั้งปวง คุณผู้อ่านชอบทานขนมชนิดไหนกันบ้าง บางคนอาจชอบทานเค้ก คุกกี้ (เสี่ยงอ้วน) พาย ทาร์ต หรือจะเป็นช็อกโกแลต เยลลี ไอศกรีม และอีกมากมายหลายอย่าง เอาเป็นว่าลืมขนมฝรั่งพวกนี้กันไปก่อนนะ (แล้วแกจะพิมพ์ให้เมื่อยมือไปเพื่ออะไร) วันนี้เราจะมาเน้นที่ขนมไทยกันดีกว่า

พอพูดถึงขนมไทยขึ้นมา ฉันมักจะนึกไปถึงส่วนประกอบหลักในการทำขนม คือ แป้ง น้ำตาล มะพร้าวและกะทิ โดยหนึ่งในขนมที่ฉันชอบและใช้ส่วนประกอบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ได้แก่ ขนมต้ม เคยกินกันบ้างมั้ย มันอร่อยนะ แป้งก้อนกลมๆ สีขาว (หรือบางทีก็เป็นสีเขียวจากใบเตย สีม่วงจากดอกอัญชัญ) มีไส้หอมๆ ด้านในขนมที่ทำจากมะพร้าว โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดเป็นการปิดท้าย

ฉันชอบกินขนมต้ม เพราะเวลาเคี้ยวมันจะหนึบๆ ดี ให้ความรู้สึกคล้ายกับเวลากินดังโงะของญี่ปุ่น เป็นขนมที่เข้าปากแล้วต้องขยันเคี้ยว (ก็แน่ล่ะสิ ถ้าแกไม่เคี้ยว ขนมต้มได้ติดคอตายแน่) แป้งนุ่มๆ ไส้หอมๆ กินไปกินมา เพลินดีเหมือนกัน

เป็นโชคดีของฉันที่ร้านขนมไทยแถวบ้านมีขนมต้มขายด้วย ฉันซื้อกินเป็นประจำจนคุณป้าแม่ค้าจำหน้าได้ บางครั้งเวลาไปซื้อ แกก็จะแถมขนมอย่างอื่นมาให้ด้วย ไม่แน่ใจว่านั่นเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณป้าที่อยากจะแนะนำขนมชนิดอื่นๆ ภายในร้านให้ฉันได้ลองชิมรึป่าว แต่เมื่อเป็นของฟรี ฉันจึงยื่นมือไปรับจากคุณป้าด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ (เห็นแก่กิน)

อย่างไรก็ตาม ฉันกลับไม่ค่อยชอบทานขนมไทยประเภทที่เป็นขนมน้ำกะทิสักเท่าไหร่ เนื่องจากขนมประเภทนี้ ส่วนใหญ่เท่าที่เคยได้ลองชิมมา มักจะมีรสชาติหวานเกินไปสำหรับฉัน หวานทั้งตัวขนม ทั้งตัวน้ำกะทิเลยทีเดียว มันหวาน หวานมากถึงมากที่สุด ความหวานแบบนี้จะไปกลบความอร่อย ฉันเลยไม่ค่อยชอบกินเท่าไหร่

แต่...ทุกอย่างย่อมมีข้อแม้ ฉันจะชอบกินขนมน้ำกะทิแบบนี้ก็ต่อเมื่อน้าของฉันเป็นคนทำ โดยเมนูเด็ดของน้า คือ กล้วยบวชชี น้าจะใช้กล้วยที่กำลังพอดี ไม่แข็งเกิน แต่ก็ไม่นิ่มไป น้ำกะทิก็ไม่หวานจนเลี่ยน และอีกเมนูที่น้าทำอร่อยคือ ฟักทองแกงบวด กินฟักทองหวานๆ มันๆ ไปพร้อมกับน้ำกะทิที่มีรสเค็ม เข้ากันดีเป็นอย่างยิ่ง

ขนมน้ำกะทิที่ฉันชอบมากที่สุด แบบไม่ต้องสนใจความหวานเลย เห็นแล้วอยากกินทุกครั้ง คือ บัวลอย โดยจะต้องเป็นบัวลอยสามสี เขียว เหลือง ม่วง ไม่ใช่บัวลอยเผือกนะ (แกนี่มันช่างเรื่องมากเสียนี่กระไร) ได้กินแล้วจะมีความสุขแบบนุ่มๆ หนึบๆ

ขนมไข่ปลา เป็นขนมไทยอีกหนึ่งอย่างที่ฉันชอบกินมาก แต่หากินได้ค่อนข้างยาก หากจำไม่ผิด ฉันได้ลองชิมขนมขนิดนี้เป็นครั้งแรกจากการไปเที่ยว สามชุก ตลาดร้อยปี จังหวัดสุพรรณบุรี โดยตัวขนมทำจากแป้งผสมเนื้อลูกตาล ทำให้มีสีส้มและมีกลิ่นหอม เอาขนมนี้ไปต้มในน้ำเชื่อม เวลาทานก็ตักตัวขนมมาคลุกกับมะพร้าว อร่อย หอม หนึบดีอีกแล้ว

และแน่นอนว่าถ้าพูดถึงขนมไทยแล้ว จะขาดบรรดาขนมมงคลอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และเม็ดขนุนไปไม่ได้นะ อย่างที่บอกว่า ฉันไม่ค่อยชอบกินหวานจัด ดังนั้นทองหยิบ ทองหยอด ขออนุญาตข้ามไป เม็ดขนุนก็ไม่ค่อยแนวฉันเท่าไหร่ ที่ชอบเป็นพิเศษคือฝอยทอง เฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นฝอยทองจากร้านขนมไทยวังหลัง คุณติ๊บ เท่านั้นด้วยนะ (เรื่องมากอีกแล้ว) เพราะติดใจเส้นฝอยทองเนื้อละเอียด นุ่มลิ้น ไม่แข็ง รสหวานกำลังดีด้วย

เอ...พวกกล้วยทอด มันทอดนี่สามารถจัดอยู่ในประเภทขนมไทยด้วยหรือไม่ พูดแล้วก็อยากกินจัง และเป็นธรรมดาที่เมื่อมีกล้วยทอด มันทอด ก็จะต้องมีขนมไข่นกกระทา นี่เห็นภาพพ่อค้า แม่ค้าที่ขายขนมชนิดนี้ กำลังใช้กระชอนลวดที่มีด้ามไม้อันใหญ่ๆ ทอดขนมชนิดนี้อยู่ แล้วมันก็ค่อยๆ พองตัวเป็นก้อนกลมสีเหลืองสวยอยู่ในกระทะที่มีน้ำมันท่วม อูย...น้ำลายหก

เดี๋ยวนี้น่ะ ไม่ได้มีแต่ขนมนกกระทาแบบดั้งเดิมที่ทำจากมันเทศสีเหลืองอย่างเดียวแล้วนะ เพราะจากกระแสมันม่วงที่ได้รับความนิยม ทำให้ตอนนี้สามารถเห็นขนมไข่นกกระทาสีม่วงจากร้านกล้วยทอดหลายร้านอยู่เหมือนกัน แต่จากที่เคยได้ลองชิมมา ใจฉันก็ยังคงมั่นคงอยู่กับไข่นกสีเหลืองอยู่ดี

พูดเรื่องขนมแล้วเริ่มหิวขึ้นมากลางดึกเลย อือ...ตอนนี้อยากกินเซ็งซิมอี๊ ลือลั่นสะท้านโลกันต์ หวาน เย็น ชื่นใจ คลายร้อน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับบรรดาขนมทั้งหลายที่กล่าวมาเลยนะเนี่ย ทำไงดี จะทำไงได้เล่า ก็ทำใจไงแก

Source
ภาพประกอบ: Photo by samer daboul from Pexels

Comments