คู่ชีวิต


ดีเจนุ้ย หรือ ธนวัฒน์ ประสิทธิสมพร เป็นคนที่ฉันชื่นชอบในอารมณ์ขัน และมุกตลกของเขา หรือในบางครั้งนุ้ยก็ไม่ต้องเล่นมุกอะไรทั้งนั้นแหละ แค่ฉันเห็นผมดำขลับแลดูสุขภาพดีในทรงกะลาครอบหัว อันเป็นเอกลักษณ์ของนุ้ย ก็สามารถยิ้มได้แล้ว

จากการเฝ้าติดตามผลงานของนุ้ยอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้ฉันได้รู้จักกับรายการ I Can See Your Voice Thailand นักร้องซ่อนแอบ ที่นุ้ยทำหน้าที่เป็นหนึ่งในนักสืบ ใครดูรายการนี้ จะได้หัวเราะขำไปกับมุกตลกของนุ้ยอย่างต่อเนื่อง

จากการเป็นแฟนคลับของนุ้ย นำพาฉันไปสู่จุดเริ่มต้นของการได้รู้จักกับ โอม นักร้องนำแห่งวง Cocktail เนื่องจากโอมเคยไปเป็นศิลปินรับเชิญในรายการดังกล่าว จากที่ไม่เคยได้ยินชื่อนักร้องผู้นี้มาก่อนเลย ฉันก็ได้เห็นหน้าตา และได้ฟังบทเพลงอันแสนไพเราะอย่างเพลง คู่ชีวิต (ก่อนหน้านั้น แกไปอยู่ไหนมาเนี่ย ก็เพลงนี้น่ะ ใครๆ เค้าก็รู้จักกันมาตั้งนานแล้ว)

คู่ชีวิต เป็นเพลงที่โอมแต่งให้กับภรรยาของเขา ซึ่งไม่ว่าใครได้ฟัง ย่อมรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับท่วงทำนองอันไพเราะ และเนื้อร้องแสนจะซาบซึ้ง เป็นบทเพลงที่โอมถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ฉันชอบเพลงนี้มาก ถึงกับพยายามที่จะหัดเล่นเปียโนเพลงนี้ให้ได้ (โดยดูต้นแบบการเล่นจากครูเบลล์ BellpianoPop) ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงจังหวะ 6/8 ทำให้ค่อนข้างยากสำหรับฉันในการนับจังหวะ แต่อาศัยความชอบในบทเพลง ทำให้พยายามเล่นต่อไปและอดทนในการซ้อม จนตอนนี้เรียกว่าพอเล่นได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังคงต้องหมั่นฝึกซ้อมอีกนานแหละ กว่าจะฟังแล้วเพราะ ลื่นไหลไม่ติดขัด

คู่ชีวิต เป็นเพลงที่เล่นยากนะ และฉันคิดว่าเพลงนี้ น่าจะเป็นเพลงที่ร้องยากเช่นเดียวกับการหัดเล่นดนตรีนั่นแหละ ที่ว่ายากนั้น น่าจะเป็นเพราะความรู้สึกส่วนตัวที่คิดว่า ไม่น่าจะมีศิลปินคนไหนที่ร้องเพลงนี้แล้วทำให้ฉันเกิดความประทับใจได้เท่ากับที่ต้นฉบับร้องไว้

อย่างไรก็ตาม มีศิลปินอยู่สองคนที่ทำให้ฉันต้องเปลี่ยนความคิดนี้ไป เมื่อได้ฟังฝีมือการขับร้องของพวกเขาในบทเพลงนี้ ศิลปินคนแรกที่ทำให้ฉันทึ่ง ได้แก่ จั๊ก ชวิน จิตรสมบูรณ์ จากวง ดับเบิ้ลยู ที่นำบทเพลง คู่ชีวิต มาร้องในรายการ Stage Fighter ตำนานหมู่ สู้ฟัด

คู่ชีวิตในเวอร์ชันของจั๊ก น่าประทับใจในแบบที่แตกต่างไปจากต้นฉบับ เพราะนอกจากผู้ชมจะได้ฟังเสียงร้องของเขาแล้ว ยังได้เพลิดเพลินไปกับฝีมือการเล่นกีตาร์ของเขาอีกด้วย ช่วงที่ต้องขึ้นเสียงสูง จั๊กก็ร้องอย่างเต็มที่ โชว์พลังเสียงล้วนๆ โดยไม่มีการใช้เสียงหลบ คู่ชีวิตเวอร์ชันนี้ จึงให้ความรู้สึกก้องกังวานและทรงพลังอยู่ภายในใจผู้ฟังอย่างฉัน

ส่วนศิลปินคนที่สอง ได้แก่ หน้ากากดอกหญ้า ที่เลือกเพลง คู่ชีวิต มาขับขานในรายการ The Mask Singer 4 โดยคู่ชีวิตในเวอร์ชันหน้ากากดอกหญ้า จะมีสำเนียงความเป็นไทยผสมอยู่ในบทเพลงมากขึ้น มีทั้งเสียงขลุ่ย เสียงระนาด และการขับเสภาที่นำเอาบทประพันธ์ของสุนทรภู่ จากเรื่องพระอภัยมณีมาร้อง เรียกว่าเป็นการ mix & match ผสมผสานความเป็นไทยไว้ในบทเพลงนี้อย่างชาญฉลาด (ขอชื่นชมคุณหนึ่ง จักรวาร เสาธงยุติธรรม และทีมงานด้านดนตรีทุกคนของรายการนี้)

นอกจากนี้ ช่วงที่เพลงเริ่มเปลี่ยนท่วงทำนองเป็นแนวไทยๆ ก็จะมีบรรดานักเต้นประกอบเพลงที่แต่งตัวในชุดไทย ผู้ชายนุ่งโจงกระเบน ผู้หญิงห่มสไบ ออกมาร่ายรำกันอย่างอ่อนช้อย สวยงาม เข้ากับอารมณ์เพลงในช่วงนั้นมาก (และเข้ากับกระแสบุพเพสันนิวาสฟีเวอร์ ณ ขณะนั้น) นอกจากนี้ การที่ต้องร้องสลับกันไปมาระหว่างทำนองปกติ และทำนองไทยเดิม น่าจะเป็นการร้องที่ยากพอสมควรเลยแหละ แต่หน้ากากดอกหญ้าสามารถร้องออกมาได้แบบไม่มีการสะดุดติดขัดใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการฟังที่พีคขึ้นเรื่อยๆ จนขนลุกตั้งแต่นาทีที่ 5 ของเพลงเป็นต้นไป

ขอทิ้งท้ายด้วยการแนะนำให้ลองไปฟังเพลงนี้ให้ครบทั้งสามเวอร์ชันดีกว่า อยากได้อารมณ์นุ่มละมุนจากต้นฉบับ ต้องฟังโอมร้อง ถ้าต้องการเวอร์ชันมีพลัง ก้องกังวานในใจ ให้เลือกฟังจั๊ก ชวิน และสุดท้าย หากอยากฟังในเวอร์ชันที่ให้กลิ่นอายความเป็นไทย ฟังแล้วขนแขนสแตนด์อัพ ให้ไปฟังดอกหญ้าร้อง

ส่วนฉัน ไม่ขอเลือกอะไรทั้งนั้น เพราะโลภ ต้องการฟังเสียงอันไพเราะที่ให้อารมณ์ ความรู้สึกแตกต่างกันออกไป ดังนั้น ในค่ำคืนนี้ ฉันก็จะฟังเพลงนี้ให้ครบทุกเวอร์ชันไปเลย

ราตรีสวัสดิ์ หลับฝันดี Have a sweet dream กันนะทุกคน

Sources

ภาพประกอบ: Photo by Caio Resende from Pexels

Comments