สะอาด...สะพรึง


เมื่อวานนี้ช่วงเย็น ฉันได้ช่วยน้าของฉันทำความสะอาดลานหลังบ้าน เป็นการจัดระเบียบข้าวของ เครื่องใช้ให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งอุปกรณ์ที่วางไว้ตรงพื้นที่ส่วนนี้ของบ้าน ก็จะเป็นพวกไม้ถูพื้น กระป๋องน้ำ แปรงขัดพื้น ตะกร้าพลาสติกที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะเก็บไว้ในตู้ภายในบ้าน อะไรเทือกนี้

ก่อนจะทำการจัดวางอุปกรณ์เหล่านี้ใหม่ให้เป็นที่เรียบร้อย จะต้องทำการล้างและขัดพื้นเพื่อทำความสะอาดซะก่อน รวมทั้งการทยอยเก็บล้างสิ่งของประดามี เนื่องจากบรรดาข้าวของเหล่านี้ถูกวางไว้นอกบ้าน ทำให้ต้องเจอทั้งฝุ่น แดด ลม ฝน ทำให้พวกมันมีสภาพมอมแมม กระดำกระด่างไปบ้าง

โชคดีจริงๆ ที่น้าของฉันมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง เจ้าเครื่องนี้สามารถช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดไปได้เยอะเลย เพียงแค่ถือสายฉีด เปิดน้ำ จากนั้นก็ฉีดไปตรงบริเวณที่เราต้องการทำความสะอาด ด้วยแรงดันของน้ำ เพียงไม่นาน พวกคราบสีดำๆ รอยฝุ่น เศษดินก็พากันอันตรธานหายไป

หากเทียบกับการทำความสะอาดแบบปกติที่ปราศจากเครื่องฉีดน้ำมหัศจรรย์ชิ้นนี้แล้ว ฉันคงต้องเสียพลังงานมากกว่าเดิม ไหนจะต้องคอยถือสายยางรดน้ำเพื่อฉีดน้ำ แล้วยังต้องออกแรงขัดถูตรงรอยเปื้อนอีก แค่นึกภาพก็เล่นเอาปวดเมื่อยแขนขึ้นมาเลย

ได้เจ้าเครื่องนี้มาช่วย ฉันนี่อยากจะประดิษฐ์สายสะพาย มอบตำแหน่งอุปกรณ์ทำความสะอาดพื้นยอดเยี่ยมแห่งปีให้กับเครื่องมหัศจรรย์ชิ้นนี้เลยทีเดียว ในระหว่างที่กำลังกระหยิ่มยิ้มย่องไปกับการที่ไม่ต้องเสียพลังงานขัดถูพื้นอยู่นั้น สายตาของฉันก็พลันเหลือบไปเห็นเจ้าแมลงสาบตัวหนึ่ง ซึ่งฉันเดาเอาว่ามันคงโดนรบกวนพื้นที่จากการทำความสะอาด มันเลยต้องทำการเร่ร่อน อพยพตัวเองออกจากหลักแหล่งเดิมของมัน

ที่น่าตกใจคือ พื้นที่ก็ออกจะกว้าง มันสามารถเลือกเอาได้ตามใจชอบไปเลยว่าอยากจะอยู่ตรงไหน แต่ก็ดันมาเกาะอยู่ตรงด้านหลังเสื้อของน้าฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ หันไปอีกทีฉันก็เห็นมันมาปักหลักยิ้มเผล่อยู่ตรงนั้นแล้ว

คุณน้าเบอร์หนึ่งที่อยู่ในบ้าน จึงร้องบอกให้ฉันหาทางปัดมันออกจากเสื้อผ้าของคุณน้าคนที่สองซะ หันรีหันขวางเพื่อหาตัวช่วยอยู่พักหนึ่ง ฉันก็คว้าถุงมือทำสวนที่คุณน้าคนที่สองถอดไว้ จากนั้นก็เหวี่ยงๆ ถุงมือไปตรงเสื้อของน้าบริเวณที่เจ้าแมลงสาบเกาะอยู่อย่างหวาดระแวง

และก็เป็นไปตามคาด เมื่อเหวี่ยงถุงมือไปโดนเจ้าแมลงสาบตัวนั้น มันก็โผผิน บินว่อน หลุดจากเสื้อคุณน้า และมุ่งหน้ามาทางฉัน เฮ้ย! อย่านะว้อย ฉันมี...มีอะไรล่ะ แกจะเอาอะไรไปสู้กับแมลงสาบขี้ตกใจจนกางปีกบินไปมา แว้ก! มันบินใกล้เข้ามาแล้วนะแก ทำไงดี ทำไงดี

เมื่อไร้ทางสู้ ฉันจึงใช้อาวุธไม้ตายของตัวเอง คือ ส่งเสียงร้องกรี๊ดๆ ราวกับคนสติไม่เต็ม พร้อมทั้งยกมือขึ้นปัดไปมารอบตัว เพื่อไม่ให้แมลงสาบบินมาใกล้ ขณะเดียวกันขาก็ไม่ได้อยู่เฉย ซอยเท้าถี่ยิบด้วยอารมณ์ขยะแขยง คิดว่าสภาพฉันในตอนนั้น น่าจะเป็นภาพที่ตลกมากในสายตาคนอื่น หูก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นของคุณน้าคนที่หนึ่งที่อยู่ภายในบ้านที่ออกอาการขำแบบเอาจริงเอาจังไปกับการเอาตัวรอด (แบบเสียสติ) จากการโดนแมลงสาบบุกของฉัน

คิดว่าถ้าฉันได้เห็นภาพตัวเองตอนนั้น ก็คงหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาเล็ด อาการไม่ต่างจากคุณน้าที่กำลังหัวเราะอยู่หรอก ส่วนแมลงสาบตัวนั้นน่ะเหรอ มันอาจจะตกใจกับพลังเสียงแหลมสูงของคนบ้าบอที่อยู่ดีๆ ก็ร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยก็เป็นได้ มันเลยบินเตลิดเปิดเปิง แบบกู่ไม่กลับไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่ฉันยืนอยู่ เฮ้อ! โล่งใจ มันไปแล้ว

ถือเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจของวัน ได้ลานหลังบ้านที่เป็นระเบียบและสะอาดมากกว่าเดิม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเบื้องหลังความสะอาดนี้ ต้องแลกมาด้วยความสะพรึงจากการประจันหน้ากับแมลงสาบบินได้

เช้านี้ตื่นมา ฉันก็ยังไม่เห็นเจ้าแมลงสาบตัวนั้นนะ (พูดอย่างกับว่าแกจำหน้าตามันได้อย่างนั้นแหละ) ไม่รู้เหมือนกันว่าค่ำนี้มันจะหวนคืนรังมั้ย แต่ถ้าเป็นไปได้ แกช่วยเลือกวิธีเดินทางกลับบ้านที่ไฮโซน้อยลงมาหน่อยได้หรือไม่ จะคลานมาบนพื้น หรือไต่กำแพงมาก็ได้

ขออย่างเดียว อย่าบิน!

Source
ภาพประกอบ: Photo by Arın Turkay from Pexels

Comments