To Love You More


Celine Dion เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงที่มีเสียงอันทรงพลัง ทุกครั้งยามเธอร้องเพลง ดั่งมีมนตร์สะกดให้ผู้ฟังต้องทึ่งไปกับพลังเสียงของเธอ รวมไปถึงลีลา ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของเธอ ขณะกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ไม่ว่าใครได้เห็น ก็น่าจะรับรู้ได้ถึงความสามารถของศิลปินหญิงชาวแคนาดาผู้นี้

บทเพลงของเธอที่โด่งดังและเป็นที่คุ้นหู น่าจะเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Titanic อย่าง My Heart Will Go On หรือจะเป็น Because You Loved Me อีกหนึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Up Close and Personal รวมไปถึงบทเพลงฮิตอย่าง The Power of Love นี่ก็ด้วย

ทุกเพลงที่เธอขับขาน ล้วนถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ในจำนวนบทเพลงมากมายของเธอ To Love You More เป็นเพลงที่ติดตรึงอยู่ในใจฉันมากที่สุด ซึ่งเพลงนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Celine และ Taro Hakase นักไวโอลินที่เก่งกาจชาวญี่ปุ่น

เสียงไวโอลินที่บรรเลงในบทเพลง เหมือนจะบาดลึกเข้าไปในจิตใจ เมื่อรวมเข้ากับเสียงร้องอันไพเราะของ Celine ด้วยแล้ว ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งอิน โดยเพลงนี้ ถูกใช้เป็นเพลงประกอบละครโทรทัศน์ของญี่ปุ่นเรื่อง Koibito Yo (恋人よ) หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า My Dear Lover/ To Love You More

ฉันชอบนางเอกของเรื่องที่แสดงโดย Honami Suzuki (นางเอกคนเดียวกันกับริกะ จากเรื่อง Tokyo Love Story/東京ラブストーリー) เป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวย ดูสง่าในทุกมุมมอง ส่วนผู้รับบทพระเอก คือ Goro Kishitani (นี่ก็คนเดียวกับที่แสดงเป็นพี่ชายของนางเอกจากเรื่อง Tokyo Cinderella Story/ Imoto Yo) โดยนักแสดงชายชาวญี่ปุ่นท่านนี้ มีใบหน้าคล้ายคลึงกับ โน้ต อุดม แต้พานิช ราวกับพี่น้องท้องเดียวกันก็ไม่ปาน

Koibito Yo เป็นละครญี่ปุ่นที่โด่งดัง เมื่อนำมาฉายในไทย ตอนนั้นทำเอาเหล่านักเรียนอย่างพวกฉันติดกันงอมแงม เพื่อนของฉันคนหนึ่ง ถึงขนาดเป็นเอามาก บ้าร้องเพลง To Love You More ประหนึ่งตัวเองเป็นนางเอกของเรื่องเลยทีเดียวเชียว

ยิ่งตรงท่อนที่ร้องว่า “Don’t go, you know you’ll break my heart. She won’t love you like I will.” มันร้องแบบอินเนอร์มาเต็มมาก จะล้อมัน ก็กลัวมันจะอาละวาด ฟาดงวงฟาดงาใส่ ฉันเลยเฉยไว้และนั่งชมการแสดงของมันต่อไป (หากใครยังพอจำกันได้ เพื่อนคนนี้คือคนเดียวกันกับที่ร้องเพลง Madonna อย่างออกรสชาตินั่นเอง)

ที่บอกว่ากลัวมันจะอาละวาดใส่นั้น ฉันไม่ได้พูดเกินจริงแต่อย่างใด เพราะมันเคยสำแดงฤทธิ์เดชออกมาแล้ว เมื่อครั้งที่ฉันล้อมันเรื่องไม้คทากายสิทธิ์ของ Sailor Moon ที่มันดั้นด้นไปหาซื้อจากเดอะมอลล์บางกะปิ สมัยที่การ์ตูนเรื่องนี้ฮิต เมื่อโดนล้อ มันคงจะระคายเคืองใจ ก็เลยแปลงกายเป็นตัวแทนแห่งดวงจันทร์ แล้วเดินมาลงทัณฑ์สาวน้อยไม่มีทางสู้อย่างฉัน ด้วยการจับฉันเหวี่ยงหมุนไปมา แล้วจบลงด้วยการที่ฉันได้แต่ยืนหัวหมุน มึนเบลอไปหมด รองเท้าผ้าใบที่ใส่อยู่หลุดออกจากเท้าไปเลยข้างหนึ่ง ส่วนมันก็หัวเราะโฮะๆ อย่างนางมารร้าย ไม่เหลือความมุ้งมิ้ง แล้วก็เดินจากไปด้วยมาดนางพญาผู้ชนะ

เมื่อบทลงโทษจากตัวแทนแห่งดวงจันทร์ (เวอร์ชันพิโรธ) จบสิ้นลง เพื่อนสนิทของฉันอีกคนที่แอบหลบด้วยความหวาดกลัวอยู่ด้านหลังเสาของตึกเรียน ก็รีบเดินเข้ามาดูฉันด้วยความห่วงใย (ขอบใจมากนะ เพื่อนคนนี้ก็คนเดียวกับเลขที่ 1 จากเรื่อง เรียน (ไม่) ดี กีฬา (ก็ไม่) เด่น นั่นแหละ) คิดว่ามันก็คงอยากจะมาช่วยตอนเกิดเรื่องแหละ แต่ความรักตัวกลัวตายมีมากกว่าความห่วงใย เมื่อทำการตรวจเช็คแขนขาว่ายังคงไม่หลุดออกจากร่าง พร้อมกันนั้นฉันก็จัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยไปด้วย จากนั้นก็เดินโซซัดโซเซ ไปเก็บรองเท้าที่ปลิวกลับมาใส่ แล้วก็พาร่างอันบอบช้ำ กลับขึ้นห้องเรียน

เป็นอันว่า จบวีรกรรมน่าละอายไว้เพียงเท่านี้ แล้วกลับมาต่อเรื่องเพลงกันดีกว่า อีกหนึ่งบทเพลงของ Celine ที่ฉันประทับใจ คือ That’s the Way It Is นี่เป็นเพลงที่เหมาะมากสำหรับการร้องในห้องน้ำ ร้องแล้วออกท่าทางได้เต็มที่ จับฝักบัวมาเป็นไมโครโฟน แล้วก็ใส่อินเนอร์ Celine เวลาร้องเพลงเข้าไปด้วย การอาบน้ำจะได้รสชาติมากขึ้น (ใครไม่เชื่อ ลองทำดูสิ ยิ่งช่วงที่ Celine ร้อง Oh oh oh oh oh เอามาร้องเองแล้วจะได้อารมณ์มาก)

เสียดายว่าขณะที่กำลังนั่งพิมพ์บทความชิ้นนี้อยู่นั้น ฉันได้อาบน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้น วันนี้คงได้เปิดคอนเสิร์ตส่วนตัวในห้องน้ำเป็นแน่แท้ เฮ้อ! และนี่คือเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของฝักบัวในห้องน้ำที่รอดพ้นการตกเป็นเหยื่อทารุณกรรมทางโสตประสาท

ไม่เป็นไร เจ้าฝักบัว พรุ่งนี้ยังมี พร้อมเปิดคอนเสิร์ตเสมอ

Source
ภาพประกอบ: Photo by Studio 7042 from Pexels

Comments