Il Mare | The Lake House


สืบเนื่องจากการกล่าวถึงพระเอกสุดหล่อ ขวัญใจของฉันอย่าง Keanu Reeves จากโพสต์ที่แล้ว ทำให้ฉันอยากที่จะเขียนถึงภาพยนตร์อีกหนึ่งเรื่องที่เขาแสดงนำ และเป็นภาพยนตร์ที่ยังตราตรึงในใจฉันอย่าง The Lake House

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นการกลับมาเจอกันอีกครั้ง ระหว่าง Keanu Reeves และ Sandra Bullock นักแสดงสาวที่เคยร่วมงานด้วยกันกับเขามาแล้วจากเรื่อง Speed (ยังจำได้ว่าในภาพยนตร์เรื่องนั้น ขนาดไว้ผมสั้นเกรียน ความหล่อของคุณพี่ขี้หนู ก็ยังคงเปล่งประกายออกมาอย่างชัดเจนอยู่ดี)

The Lake House บอกเล่าเรื่องราวของสถาปนิกหนุ่ม และคุณหมอสาวที่พูดคุย ติดต่อ สื่อสาร บอกเล่าเรื่องราวระหว่างกัน ผ่านทางตู้จดหมาย โดยที่คนทั้งคู่ ไม่เคยรู้จักกัน และไม่เคยพบหน้ากันเลย

ต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากเรื่อง Il Mare ที่เป็นภาพยนตร์เกาหลี ออกฉายตั้งแต่ปี 2000 ซึ่งฉันก็เคยได้ดูในเวอร์ชันเกาหลีมาก่อน และชอบในตัวเรื่องมาก เมื่อได้ยินข่าวว่าทางฝั่งอเมริกาจะนำเรื่องนี้มารีเมค ก็ตื่นเต้น และยิ่งดีใจที่ได้ทราบว่า นักแสดงชายที่รับบทนำ คือ คุณพี่ขี้หนู สุดหล่อประจำใจฉันนั่นเอง

นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงอีกหนึ่งท่านที่ฉันชื่นชอบอย่าง Christopher Plummer (ผู้เคยรับบท Captain Georg von Trapp จากภาพยนตร์เพลงเรื่อง The Sound of Music) ได้มาร่วมแสดงในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน โดยเขามารับบทเป็นพ่อของคุณพี่ขี้หนู ซึ่งก็มีอาชีพเป็นสถาปนิกเช่นเดียวกันกับลูกชาย

ฉันยังคงจดจำฉากที่พระเอกพูดกับน้องชาย เกี่ยวกับบ้านที่พ่อของพวกเขาเป็นคนออกแบบได้ดี กับคำพูดโดนๆ ที่ว่า “Dad knew how to build a house, not a home.” และประทับใจในฉากสนทนาระหว่างสถาปนิก พ่อ-ลูกคู่นี้ ภายในห้องพักของโรงพยาบาล เกี่ยวกับเรื่องสถาปัตยกรรม รวมถึงตอนที่คุณพ่อได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของแสง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงให้มากเวลาออกแบบอะไรก็ตาม

องค์ประกอบสำคัญของเรื่องที่เห็นจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ บ้านที่เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างพระ-นางของเรื่องนี้ เป็นบ้านกระจก สร้างอยู่ริมทะเลสาบ โดยมีต้นเมเปิลปลูกอยู่ตรงกลาง บ้านหลังนี้สวยมาก ดูโปร่ง โล่ง สบายตา เนื่องจากเป็นกระจกใส รูปทรงก็แปลกตา เก๋ไก๋ เป็นเอกลักษณ์ คาดว่าเพราะผู้กำกับน่าจะอยากให้ตัวบ้านมีความเข้ากันกับตัวเรื่อง เพราะตัวละครหลักประกอบอาชีพสถาปนิกนั่นเอง

มาถึงฉากที่ฉันชอบ อย่างฉากที่พี่ขี้หนู เก็บหนังสือนิยาย Persuasion ของ Jane Austen ที่นางเอกลืมทิ้งเอาไว้ที่สถานีรถไฟ จากนั้นก็วิ่งตามรถไฟที่เริ่มเคลื่อนตัวออกไป เพื่อเอาหนังสือเล่มนี้ไปคืนนางเอก เป็นตอนที่ฉันแอบลุ้นอยู่ในใจ อยากให้ทั้งสองคนได้เจอกัน หรือจะเป็นฉากพี่ขี้หนูได้คุยกับนางเอก เกี่ยวกับเนื้อหาของนิยายเรื่องนี้ ในคืนวันเกิดของนางเอก ก็เป็นอีกหนึ่งฉากที่ฉันประทับใจ

ที่บอกว่าประทับใจ เพราะขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่นั้น เสียงเพลง This Never Happened Before จากท่าน Sir Paul McCartney ก็แว่วมาจากในบ้านของนางเอกที่กำลังจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จากนั้น ทั้งคู่ก็เต้นรำด้วยกันกลางสวน (ณ จุดนั้น ฉันมโนไปไกลแล้วว่าตัวเองกำลังสวมบทนางเอกอยู่) และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นให้ฉันได้รู้จักกับบทเพลงนี้ของท่าน Sir และยังคงชื่นชอบเรื่อยมา

ในช่วงท้ายของเรื่อง ฉันก็เกิดอาการลุ้นระทึกอีกครั้ง เพราะการเอาใจช่วยนางเอกอย่างออกนอกหน้า ประหนึ่งตัวฉันกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าตู้จดหมาย เป็นเพื่อนไปด้วยกันกับนางเอก และเฝ้าวอนขอให้นางเอกสมหวัง (ไปบอกผู้กำกับง่ายกว่ามั้ย)

ตอนจบของเรื่องเป็นอย่างไร ใครที่เคยได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็คงรู้กันดีอยู่ ฉันจึงขอสงวนความตื่นเต้นเอาไว้ให้กับคนที่ยังไม่เคยได้ดู ได้มีโอกาสลุ้นเหมือนกับตัวฉันในอดีต เมื่อครั้งที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรก

Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels

Comments