สีขาวและสีดำในความรู้สึกของฉัน เป็นสองสีที่สื่อถึงความเป็นอมตะ แต่ขณะเดียวกัน สองสีนี้ก็มีความเป็นมิตรกับเฉดสีอื่นๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น เวลาฉันจะแต่งตัว ขาวและดำ เป็นสองสีที่ฉันสามารถจะเอามา mix&match กับสีอื่นๆ ได้แทบจะทุกสี ช่วยประหยัดเวลา รวมทั้งไม่ต้องมานั่งกังวลว่าเสื้อกับกางเกงที่หยิบมาสวมใส่ มันจะไปด้วยกันได้หรือไม่
ขาว-ดำ เป็นสีที่เรียบง่ายแต่คลาสสิก เป็นสีพิเศษที่ข้ามผ่านกาลเวลา โดยไม่ทำให้เกิดความรู้สึกล้าสมัยแต่อย่างใด ภาพของ Audrey Hepburn ผู้รับบทเป็น Holly Golightly ในภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s คือตัวอย่างของความคลาสสิกข้ามกาลเวลาที่ฉันเอ่ยถึง
ใครเคยดูภาพยนตร์เรื่องนี้ น่าจะคุ้นตากันดีกับภาพ Audrey เกล้าผมและมีรัดเกล้าเพชรอันเล็ก (tiara) ประดับอยู่บนศีรษะ สวมใส่ LBD ที่ออกแบบโดย Givenchy พร้อมต่างหูเพชร สร้อยคอไข่มุกเส้นโต และสวมถุงมือที่ยาวคลุมเหนือข้อศอก โดยภาพนี้เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ มือขวากำลังเท้าคาง ส่วนมือซ้ายจับ cigarette holder เอาไว้เก๋ๆ เป็นภาพนิยามความคลาสสิกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ความคลาสสิกของสีขาว-ดำนี้ ก็สามารถทำให้ฉันเชื่อมโยงไปถึงเสียงเพลงได้เช่นเดียวกัน โดยเพลงแรกที่ฉันนึกถึง คือ เพลงจากวงดังในยุค 90 อย่าง Extreme ที่แนวดนตรีของทางวงนี้ จะเป็นแนวร็อกซะเป็นส่วนมาก แต่เพลงที่ทำให้วงนี้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ฟังอย่างแพร่หลาย กลับเป็นเพลง ballad ช้าๆ ซึ้งๆ อย่าง More Than Words
โดย MV เพลงนี้ ถ่ายทำในรูปแบบขาว-ดำ มีเสียงกีตาร์อะคูสติกที่บรรเลงโดยมือกีตาร์สุดหล่อของวงอย่าง Nuno Bettencourt เป็นจุดเด่น เมื่อบวกกับการประสานเสียงที่ลงตัวระหว่าง Gary Cherone นักร้องนำ และคุณพี่สุดหล่อ Nuno ของฉัน (ใจเย็นนะแก ตั้งสติ หยุดมโนซะทีเหอะ) ทำให้เพลงนี้มีความไพเราะและขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเพลงรักยอดฮิตตลอดกาลมาจนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากเพลงนี้มาในแนวอะคูสติก ที่อาศัยเพียงเสียงกีตาร์และเสียงร้องของนักดนตรี ฉันจึงได้เห็นมือเบส Pat Badger และมือกลองอย่าง Paul Geary พากันวางเบสและไม้กลองของพวกเขา และผันตัวไปเป็นผู้ชม จากนั้นก็ยกไฟแช็กที่ได้รับการจุดเรียบร้อย พร้อมกับโบกให้กำลังใจเพื่อนร่วมวงอย่าง Gary และ Nuno ในระหว่างที่นั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์
ฉากพีคของเพลงนี้ อยู่ตรงท่อนที่ร้องว่า “…and touch me. Hold me close don’t ever let me go” เสียงกีตาร์ที่ดีดเน้นย้ำไปกับแต่ละคำที่ร้องตรงท่อนนี้ ฟังแล้วมันหนักแน่น สะใจ และที่บอกว่าพีค คือ ทันทีที่จบเนื้อร้องตรงท่อนนี้ ฉันจะได้เห็นลีลาการสะบัดผมอันนุ่มสลวย สวยงามของคุณพี่ Nuno ที่เล่นเอาฉัน (แอบ) กรี๊ดในใจอย่างบ้าคลั่ง เป็นการสะบัดผมแบบร็อกๆ ที่เซ็กซี่ ขยี้ใจ ไม่แพ้ลีลาการเล่นกีตาร์ แถมสภาพผมที่ถูกสะบัดก็ดูมีน้ำหนัก นุ่ม ลื่น สวยงาม แบบที่อยากไปป่าวประกาศ เชื้อเชิญให้บรรดาผู้ผลิตแชมพูและครีมนวดผม มาจ้างคุณพี่ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณาซะเหลือเกิน
More Than Words เป็นเพลงที่โด่งดังมาก ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าเพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลงประกอบโฆษณากางเกงยีนส์ Lee ด้วย จำตัวโฆษณาได้แม่นเลย เพราะรู้สึกเหมือนกำลังดู MV ไม่ใช่โฆษณากางเกงยีนส์ (อืม...เหมือนเป็นการประกาศความแก่ต่อสาธารณชน ใครรู้จักโฆษณาตัวนี้ แสดงว่าคุณก็กำลังเข้าสู่วัยกลางคนเหมือนกันกับฉันสินะ มาจับมือกัน)
อีกหนึ่งบทเพลงขาว-ดำในความทรงจำของฉัน คือ To Be with You จากวง Mr. Big ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวงร็อกจากยุค 90 เช่นเดียวกัน เมื่อได้ดู MV เพลงนี้แล้ว ทำให้ฉันได้รู้ว่า การไว้ผมยาว น่าจะเป็นที่นิยมสำหรับนักร้องเพลงร็อกในยุคสมัยนั้นเป็นอย่างมาก เพราะเห็นผมยาวกันหมดเลย ตั้งแต่นักร้อง มือกีตาร์ มือเบส ยันมือกลอง
ความน่าสนใจสำหรับ MV เพลงนี้ คือ การเริ่มต้นเพลงด้วยภาพขาว-ดำ ให้ฉันดื่มด่ำ เคลิบเคลิ้มกับทำนองเพลงไปเรื่อยๆ จนลืมที่จะสังเกตสิ่งอื่น มารู้ตัวอีกที เอ๊ะ! ทำไมอยู่ดีๆ ภาพมันมีสีขึ้นมาแล้วล่ะ ต้องกลับไปย้อนดูซ้ำว่ามันเริ่มเปลี่ยนจากขาว-ดำ เป็นภาพสีตอนไหนกันแน่ เมื่อกดย้อนดู ฉันเลยถึงบางอ้อ เลิกสงสัยว่า ทำไมถึงไม่ทันได้สังเกตเห็นตอนภาพเริ่มเปลี่ยนสี (ใครอยากรู้ ต้องไปดูเองนะ)
To Be with You เป็นเพลงที่ Eric Martin นักร้องนำของวง กล่าวว่าได้รับแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงมาจากการที่เขาไปแอบปิ๊งเพื่อนของพี่สาว แต่ก็ไม่ได้บอกให้เพื่อนของพี่ได้รับรู้ เพราะไม่คิดว่าฝ่ายหญิงจะมาคบกับตัวเขาที่มีอายุน้อยกว่า เขาเลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมา เหมือนเป็นการบอกกล่าวความในใจ อือ...ดีจังเลย มีคนแอบชอบจนแต่งเพลงให้ด้วย นึกอยากให้มีคนมาแต่งเพลงให้ฉันบ้างจัง (น่าจะเป็นเพลงรัก แนวขับไล่ไสส่ง)
และนี่ก็เป็นสองเพลงดังข้ามกาลเวลา ที่ใช้สีขาว-ดำ เพิ่มความรู้สึกคลาสสิก เมื่อรวมกับความไพเราะ น่าฟังของเพลง จึงทำให้เพลงทั้งคู่ได้รับการบรรจุอยู่ในอัลบั้มส่วนตัวของฉันที่มีชื่อว่า “เพลงคลาสสิก อมตะ นิรันดร์กาล” ฟังกี่ครั้ง ก็มีความสุข เป็นเพลงที่จะไม่เลือนหายไปจากความทรงจำ ตามกาลเวลาที่ผันผ่าน
อมตะ ดังเช่น Holly Golightly
Source
ภาพประกอบ: Photo by Andrey Grushnikov from Pexels
Comments
Post a Comment