พักกลางวัน


ยังพอจำกันได้หรือไม่ว่าเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก คุณชอบเล่นอะไร ตอนฉันยังเป็นเด็กประถม ช่วงพักกลางวันถือได้ว่าเป็นช่วงสวรรค์มาโปรด เพราะฉันและเหล่าเพื่อนๆ จะใช้เวลาหลังจากกินข้าวเสร็จในการจับกลุ่มเล่นกันอย่างสนุกสนาน

บางวันเด็กประถมวัยใสอย่างฉันและเพื่อนสนิท จะมาล้อมวงเล่นหมากเก็บ ตัวหมากจะทำจากห่วงพลาสติก สีสันสดใส เอามาร้อยต่อกันให้มีรูปร่างคล้ายโซ่ เพื่อนบางคนชอบร้อยหมากให้เป็นสีเดียวกัน ในขณะที่บางคนก็ร้อยรวมมันไปทุกสี ได้ออกมาเป็นตัวหมากที่จี๊ดจ๊าด คัลเลอร์ฟูลมาก

การละเล่นที่ฉันและกลุ่มเพื่อนชอบเล่นกันมากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้น “บอลลูน” ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านี่คือชื่อเรียกที่ถูกต้องหรือไม่ บอกไปแบบนี้แล้ว บางคนอาจคุ้นหูและพอนึกถึงการละเล่นชนิดนี้ออก แต่สำหรับใครที่ไม่คุ้น  มันคือการละเล่นที่จะแบ่งผู้เล่นออกเป็นสองทีม ทีมหนึ่งเฝ้าระวังที่เส้นข้ามแดน คอยระวังซ้าย-ขวา โดยพยายามกันผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ข้ามไปยังเส้นข้ามแดนที่เป็นด่านต่อไปได้ ขณะที่ทีมฝั่งตรงข้ามต้องตะลุยข้ามไปให้ครบทุกด่านเพื่อกลับมาจบเกมที่จุดเริ่มต้นอีกครั้งให้ได้

ความพิเศษของทีมที่เป็นเส้นข้ามแดน คือจะมีผู้เล่นหนึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นเส้นหลักหรือหัวหน้า โดยขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ มีหน้าที่เฝ้าระวังแค่ซ้าย-ขวา (แนวขวาง) เท่านั้น แต่หัวหน้าทีมผู้ประจำอยู่ตรงเส้นแรก จะสามารถเคลื่อนที่ได้ทั้งแนวขวางและแนวดิ่ง กล่าวคือ หากเห็นผู้เล่นจากฝั่งตรงข้ามคนไหนที่ยืนอยู่ในระยะที่แตะตัวถึง หัวหน้าทีมจะสามารถวิ่งแนวตรงแบบผ่ากลาง ผ่านเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเพื่อไปจับคนจากฝั่งตรงข้ามได้

หากผู้เล่นจากฝั่งตรงข้ามสามารถวิ่งผ่านด่านทุกด่านและวิ่งกลับมายังเส้นหลักโดยที่หัวหน้าทีมกลับมาจับไม่ทัน ฝั่งตรงข้ามก็จะชนะและได้เล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเกิดมีผู้เล่นจากฝั่งบุกตะลุยด่านคนไหนที่พลาดโดนจับตัวได้ เกมก็จบลง และฝั่งที่เคยบุกตะลุยข้ามด่านจะต้องเป็นฝ่ายมาทำหน้าที่เป็นเส้นกั้นแดนแทน

ฉันจำได้ว่า บอลลูน เป็นเกมการละเล่นที่ฉันและเพื่อนร่วมเล่นกันตอนพักกลางวันในเกือบทุกวัน แม้อากาศจะร้อน เด็กประถมอย่างพวกฉันก็ไม่หวั่น พากันไปจับจองพื้นที่กลางถนน หรือใต้ตึกเรียนเพื่อเล่นเกมนี้กันอย่างสนุกสนาน

อีกหนึ่งเกมที่เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน คือ แปะแข็ง เล่นไป หัวเราะไป หมดเวลาพักเมื่อไหร่ ฉันและเพื่อนในสภาพเหงื่อแตกจากการวิ่งเล่น ผมเปียหลุดลุ่ย โบว์สีน้ำเงิน สีขาว และสีดำซึ่งเป็นสามสีที่โรงเรียนอนุญาตให้ใช้ติดผมเปียก็พากันหลุดร่วงออกจากเปีย แต่อารมณ์ตอนนั้นไม่มีใครมาสนใจสภาพร่อแร่ของตัวเองเท่าไหร่นักหรอก ทุกคนต่างพากันเดินโซซัดโซเซไปหากระติกน้ำของตัวเอง เพื่อดื่มน้ำเย็นคลายร้อน เล่นมาเหนื่อยๆ ได้ดื่มน้ำเย็นเข้าไปอั้กๆๆๆ แหม...มันสดชื่นแบบไม่มีอะไรจะเปรียบเปรย

โมราเรียกชื่อก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ฉันและกลุ่มเพื่อนชอบเล่นกัน แต่เกมนี้ต้องมีอุปกรณ์ ใครสักคนในกลุ่มเพื่อนจะต้องนำลูกเทนนิสติดมาโรงเรียนด้วย ถ้าไม่มีลูกเทนนิส วันนั้นโมราก็ไม่ได้เรียกชื่อใครทั้งนั้น ความสนุกของเกมนี้อยู่ที่เราจะต้องพยายามไปรับลูกหลังจากโดนเพื่อนเรียกชื่อให้ทันภายในการกระเด้งของลูกเทนนิสเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น บางครั้งเพื่อนคนอื่นอาจเอ็นดูเราเป็นพิเศษ เลยเรียกชื่อเราอยู่คนเดียว ซ้ำไปซ้ำมา หากเป็นเช่นนั้น ก็ได้แต่หวังไว้ในใจว่าพวกมันจะเปลี่ยนไปเอ็นดูคนอื่นแทนเร็วๆ

ส่วนการเล่นกระโดดยางนั้น ฉันและเพื่อนไม่ค่อยได้เล่นเท่าไหร่นัก อาศัยดูเพื่อนห้องอื่นหรือกลุ่มอื่นเล่นมากกว่า กลุ่มไหนเป็นเซียนกระโดดยาง เราจะได้เห็นยางที่ใช้กระโดดถูกร้อยแบบใช้ยางสามเส้นในการร้อยแต่ละห่วง เวลากระโดดก็จะมีการไล่ระดับตั้งแต่ตาตุ่ม หัวเข่า เอว อก ไปจนถึงเหนือหัว ใครโดดได้ผ่านทุกระดับ ถือเป็นความภูมิใจของเพื่อนร่วมทีม

งูกินหางก็เป็นเกมที่สร้างความสนุกสนานให้พวกฉันได้เช่นเดียวกัน นอกจากจะเป็นการละเล่นที่สอนเรื่องคำคล้องจองให้ได้ท่องกันแล้ว เด็กนักเรียนอย่างพวกฉันยังได้บริหารความตื่นเต้นและกล้ามเนื้อแขนขาด้วยการวิ่งหนีแม่งู ซึ่งคนที่เป็นแม่งูก็หนีไม่พ้นเพื่อนที่ตัวสูงหรือตัวใหญ่ที่สุดในทีม เพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้นั่นเอง

เวลาพักกลางวันในโรงเรียน จึงเป็นช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของเหล่านักเรียนประถมอย่างพวกฉัน เป็นเวลาที่พวกเราได้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ บางทีอาจจะมากกว่าการออกกำลังกายในชั่วโมงพลศึกษาซะอีกนะ ได้วิ่งเล่น หัวเราะ ขำขัน เฮฮา สนุกสนานไปด้วยกันกับเพื่อน แบบที่ไม่ต้องมานั่งห่วงสวยอะไรทั้งนั้น (อย่ากระแดะ ไปเล่นกับเพื่อนต่อเถอะ) และกลับไปนั่งเรียนในคาบบ่ายอย่างเป็นสุข เพื่อที่จะรอกลับบ้านเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนตอนเย็น

Source
ภาพประกอบ: Photo by Digital Buggu from Pexels

Comments