สามวันที่ผ่านมานี้ ฉันทยอยได้รับบรรดาหนังสือที่ตัวเองทำการสั่งออนไลน์ไปก่อนหน้า ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนฉันบ้างไหม ทุกครั้งที่ได้รับพัสดุจากบุรุษไปรษณีย์ จะเกิดอาการตื่นเต้นเหมือนเด็กได้รับของขวัญวันเกิด
ปัจจุบันนี้ หากต้องการสั่งหนังสือสักเล่ม แสนจะสบาย เพราะผู้อ่านมีช่องทางในการสั่งซื้อได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการสั่งหนังสือกับนักเขียนโดยตรงไปเลย สั่งจากสำนักพิมพ์ หรือการสั่งจากเว็บขายหนังสือออนไลน์ ล้วนทำได้ง่ายดายมาก
ไม่ว่าจะเป็นการสั่งวิธีไหน โดยส่วนมากแล้ว ฉันจะเลือกวิธีจัดส่งแบบไปรษณีย์ลงทะเบียน เพื่อป้องกันหนังสือสูญหายระหว่างทาง เมื่อทางผู้ส่งหนังสือได้ทำการส่งหนังสือเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผู้ส่งจะแจ้งหมายเลขลงทะเบียนมาให้ผู้ทำการสั่งหนังสือทราบ เพื่อให้ผู้อ่านที่สั่งซื้อหนังสือ สามารถตรวจเช็คได้ว่า ขณะนี้พัสดุของตนเองอยู่แห่งหนไหนกันแล้ว
ทุกครั้งที่ฉันได้รับการแจ้งหมายเลขลงทะเบียน มักจะต้องเข้าไปคอยเช็คจากหน้าเว็บไซต์ของไปรษณีย์ไทยเสมอ เมื่อเห็นข้อความขึ้นว่า “เตรียมการนำจ่าย” เป็นอันว่าวันนั้น จะวอกแวก อยู่ไม่นิ่ง ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้ารอการมาถึงของบุรุษไปรษณีย์
บุรุษไปรษณีย์แถวบ้านฉันนั้น ในทุกวัน เขามักจะแวะมาส่งพัสดุและจดหมายต่างๆ ในเวลาใกล้เคียงกัน ฉันจำเสียงรถมอเตอร์ไซค์ของคุณบุรุษไปรษณีย์ได้อย่างแม่นยำ ที่บอกว่าจำได้ ไม่ใช่ว่าเป็นเซียนเครื่องยนต์หรอกนะ แต่อาศัยฟังจากจังหวะการขี่รถของคุณบุรุษไปรษณีย์นั่นแหละ เป็นธรรมดาที่เวลาส่งจดหมาย บุรุษไปรษณีย์จะต้องหยุดรถ เพื่อหย่อนจดหมายใส่ไว้ตรงตู้ไปรษณีย์ของแต่ละบ้านใช่มั้ยล่ะ ทีนี้ฉันก็เลยฟังจากเสียงรถไง ถ้ารถคันไหนที่วิ่งผ่านมา มีเสียงประมาณเดี๋ยวก็หยุดจอด เดี๋ยวก็เริ่มขับเป็นช่วงสั้นๆ สลับกันไปอยู่อย่างนี้ แน่ใจได้เลยว่า รถคันนั้นคือรถของคุณบุรุษไปรษณีย์
เมื่อเงี่ยหูฟังจนแน่ใจแล้ว ฉันจะรีบวิ่งไปรอที่หน้าบ้าน เมื่อคุณบุรุษไปรษณีย์มาถึง ฉันก็ปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ พร้อมรับเอกสารและปากกามาลงชื่อผู้รับพัสดุ จากนั้นคุณบุรุษไปรษณีย์จึงส่งพัสดุที่ฉันเฝ้ารอคอยมาตลอดครึ่งค่อนวันให้ถึงมือของฉัน เมื่อกล่าวขอบคุณเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันจะรีบวิ่งแจ้นเข้าบ้าน เพื่อไปแกะกล่องพัสดุที่ได้รับมาทันที
บางครั้งหนังสือที่ฉันสั่งไว้ อาจมาถึงตอนจังหวะที่ไม่มีใครอยู่บ้านในขณะนั้น คุณบุรุษไปรษณีย์ ผู้มีประสบการณ์ในการส่งจดหมายให้ละแวกบ้านฉันมาเป็นเวลานาน จึงพอจะรู้จักผู้อยู่อาศัยในละแวกนั้นบ้าง ทำให้ในบางวัน เมื่อฉันกลับมาถึงบ้าน พ่อจ๋าก็เอาพัสดุมาให้ฉัน และเล่าให้ฟังว่า คุณเพื่อนบ้านเป็นคนเซ็นรับไว้แทนและเดินเอามาให้ที่บ้าน
นี่แหละไปรษณีย์ไทย บริการทุกระดับ ประทับใจ เป็นการบริการแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ให้ความรู้สึกไทยๆ ดี บ้านนี้ไม่อยู่ใช่มั้ย ไม่เป็นไร ฝากเพื่อนบ้านเอาไว้แทนก็ได้ บ้านนี้เค้ารู้จักบ้านนั้น เดี๋ยวเค้าก็เอาไปให้กันเองแหละ
ฉันคิดว่าบุรุษไปรษณีย์ของประเทศไทย (รวมถึงอีกหลายประเทศ) เป็นตำแหน่งงานที่น่าจะต้องมีทักษะหลายอย่างพอสมควรเลยนะ ไหนจะต้องจดจำทิศทางและเลขที่บ้านแต่ละหลัง (แต่ถ้าส่งทุกวัน ก็คงจำได้โดยอัตโนมัติ) ไหนจะต้องบรรทุกทั้งจดหมาย ทั้งกล่องพัสดุมากมายพร้อมกับขี่รถไปด้วย นี่ยังไม่นับทักษะในการหลบหลีกเจ้าบ้านผู้น่ารักอย่างบรรดาสุนัขอีกนะ
บุรุษไปรษณีย์จึงเป็นอาชีพที่ฉันนึกชื่นชม เป็นคนส่งความสุขให้ถึงมือผู้รับโดยสวัสดิภาพ คิดไปคิดมาแล้ว บุรุษไปรษณีย์ของไทยก็มีความคล้ายคลึงกับซานตาคลอสของฝรั่งเหมือนกันนะ ใส่เสื้อคลุมสีแดงๆ เหมือนกัน จะต่างกันก็ตรงที่ซานต้ามีกวางเรนเดียร์เป็นพาหนะนำส่งของขวัญให้เหล่าเด็กๆ ส่วนคุณบุรุษไปรษณีย์ขี่มอเตอร์ไซค์ ซานต้ามาทางปล่องไฟ ส่วนบุรุษไปรษณีย์จะโผล่มาหน้าบ้าน บางทีก็มาพร้อมเสียงกริ่ง เมื่อนั้นฉันก็จะกระดี๊กระด๊า ขาก็ออกวิ่ง เพื่อไปรับของด้วยความยินดีปรีดาเป็นที่สุด
Source
ภาพประกอบ: Photo by Noelle Otto from Pexels
Comments
Post a Comment