แม่ของฉันเป็นคนชอบฟังเพลง แน่นอนว่าเพลงที่แม่ฟัง มักจะเป็นเพลงรุ่นแม่ยังสาว บางเพลงที่แม่ชอบเป็นพิเศษ แม่จะร้องคลอออกมาด้วยขณะที่แม่กำลังเปิดวิทยุฟังเพลงนั้นอยู่ ร้องผิดบ้างถูกบ้าง จำเนื้อเพลงได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่แม่ก็ยังคงดำน้ำต่อไปอย่างไม่หมดกำลังใจในการร้อง
สมัยก่อนคุณยายของฉันเคยซื้อเครื่องเล่นแผ่นเสียงไว้ฟังที่บ้าน และจะมีแผ่นเสียงไวนิล (vinyl) เก็บอยู่ข้างๆ กับตัวเครื่องเล่น เนื่องจากตอนนั้นฉันยังเด็ก เลยจำไม่ได้แล้วว่ามีแผ่นของใครบ้าง แต่สิ่งที่จำได้ คือ เมื่อใดก็ตามที่ใครหยิบแผ่นเสียงมาใส่เครื่องเล่น มันจะให้เสียงพิเศษที่แตกต่างไปจากการฟังวิทยุทั่วไป อธิบายไม่ค่อยจะถูกนัก แต่มันจะเป็นเสียงที่ให้ความรู้สึกเอื่อยๆ เรื่อยๆ หมุนวนอยู่สักพักหนึ่ง ก่อนที่เสียงเพลงจากแผ่นไวนิลจะลอยมาให้ได้ยิน ฉันรักความรู้สึกนั้นจากการฟังแผ่นไวนิล มันช่างละเมียดละไม ชวนให้นึกถึงการจิบชาร้อนๆ และนั่งฟังเพลงอย่างสบายใจ (ถึงแม้จะไม่เคยทำอย่างที่ว่าก็ตามที)
เวลาผ่านไป สิ่งต่างๆ ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย จากที่เคยฟังเพลงจากแผ่นไวนิล ก็เปลี่ยนเป็นฟังจากวิทยุ จนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อแม่ได้ทำความรู้จักกับ YouTube เมื่อนั้นบรรดาเพลงสมัยแม่ยังเอ๊าะๆ ก็ผ่านมาเข้าหูให้ฉันได้ยินวนไปวนมาอยู่เรื่อยๆ ราวกับชุดคอมโบเพลงเก่าระรัวมาก็ไม่ปาน
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะการเปิดเพลงฟังวนซ้ำไปเรื่อยๆ ของแม่หรือไม่ที่ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับบรรดาเพลงเก่าๆ อยู่บ้าง เพลงที่ฉันจำได้แม่นเลย คือ “คนจะรักกัน” ผู้ประพันธ์คำร้องและทำนองเพลงนี้ คือ ครูพยงค์ มุกดา ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2534
ส่วนที่ฉันบอกว่าจำแม่น เป็นเพราะเพลงนี้ถือเป็นเพลงประจำตัวของแม่ฉันก็ว่าได้ นึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมาเมื่อไหร่ แม่ก็จะร้องขึ้นมา “คนจะรักกัน ผูกพันหมายมั่นลงไป จะบุกน้ำลุยไฟ ปล่อยให้เขาไปตามปรารถนา” หลังจากท่อนนี้จะเป็นท่อนที่ร้องว่า “คนเขารักกัน....” และจากนั้นเหมือนว่าแม่จะเริ่มจำเนื้อร้องไม่ค่อยได้ แม่ก็เลยงัดความสามารถในการดำน้ำมาใช้ จากการเปล่งเสียงร้องอย่างมั่นใจ ก็เปลี่ยนสไตล์การร้องเป็นการร้องงึมงำอยู่ในคอ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องและไม่เป็นคำ หรือไม่แม่ก็น่าจะเข้าใจของแม่อยู่คนเดียว หลังจากนั้น ฉันถึงเริ่มมาฟังออกอีกครั้งตอนที่ร้องว่า “ความรักมีพลานุภาพ...” และก็เหมือนเดิม แม่เริ่มกลับไปสู่การดำน้ำที่แม่รักอีกครั้ง (อืม...แต่จะว่าไป แม่ก็ดำน้ำใช้ได้อยู่นะ ดำไปได้เรื่อยๆ) และ...ในที่สุดแม่ก็หาทางลงเพื่อจบเพลงไม่ได้
เพลงนี้แม่ร้องบ่อยมาก กวาดบ้าน ล้างจาน ทำอะไรก็ตาม จะต้องร้องเพลงนี้ เป็น never ending song สำหรับแม่ เพราะแม่ก็จะหาทางลงไม่ได้ทุกครั้งไป น้าของฉันเคยเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน ตอนที่แม่ยังเป็นนักเรียน เคยเป็นตัวแทนนักเรียนเพื่อขึ้นไปร้องเพลงชาติหน้าเสาธงในตอนเช้า ช่วงนั้นการ์ตูนเรื่อง เคนโด้ กำลังดัง (ฉันไม่รู้จักการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะเกิดไม่ทัน) และแม่คงอินจัดกับเคนโด้มากเกินไปนิด น้าเล่าว่า จากที่ร้องเพลงชาติอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็กลายมาเป็นทำนองเพลงเคนโด้ 555 ทำให้ฉันนึกอยากย้อนเวลา เพื่อจะได้เห็นสีหน้าของบรรดาคุณครูและเพื่อนร่วมโรงเรียนของแม่ในตอนนั้นขึ้นมาทันใด อยากเห็นว่าแม่หาทางลงจากเพลงเคนโด้ที่เผลอร้องและเปลี่ยนกลับมาเป็นเพลงชาติได้ยังไง แต่การลงจากหน้าเสาธงในวันนั้นของแม่คงเป็นที่น่าจดจำสำหรับใครหลายคนเป็นแน่
ในบรรดาเพลงที่แม่เปิดฟัง มีอยู่หลายเพลงที่ฉันรู้สึกชอบ แม้จะเป็นเพลงเก่า แต่ทำนองของเพลงเหล่านี้ ฟังแล้วแสนจะไพเราะเสนาะหู เนื้อร้องก็กินใจ และรายนามของเพลงด้านล่างนี้ คือเพลงที่ฉันชื่นชอบ
ขอให้เหมือนเดิม
บทเพลงนี้ ผู้ประพันธ์คำร้อง คือ คุณสุคนธ์ พรพิรุณ แต่งทำนองโดยครูเอื้อ สุนทรสนาน นี่เป็นหนึ่งในเพลงสุนทราภรณ์ที่ฉันชอบตลอดกาล แค่ดนตรีขึ้นและได้ยินเนื้อร้องท่อนแรกที่ร้องว่า “ก่อนจากกันคืนนั้นสองเรา แนบซบเนาเคล้าคลอพ้อพลอดภิรมย์” ก็ชวนให้เคลิบเคลิ้มแล้ว ฟังไป ยิ่งรู้สึกชื่นชมในความสามารถของผู้แต่งเป็นอย่างมาก เป็นเพลงที่เมื่อได้ฟังจะซึ้งและอิ่มเอมอยู่ในใจ
ขอพบในฝัน
อีกหนึ่งเพลงสุนทราภรณ์สุดโปรดปรานของฉัน ประพันธ์ทำนองโดยครูเอื้อ สุนทรสนาน ส่วนผู้ประพันธ์คำร้อง คือ ครูแก้ว อัจฉริยะกุล เมื่อได้ฟังเพลง ขอให้เหมือนเดิม ที่ได้กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ ฉันจะต้องอยากฟังเพลง ขอพบในฝัน ต่อเนื่องกันไปเพื่อให้ครบถ้วนในความรู้สึก เหมือนว่าจะขาดเพลงใดเพลงหนึ่งไปไม่ได้ เพลงนี้ฟังแล้วจะให้อารมณ์โหยหาถึงเธอผู้นั้นในเพลง ยิ่งตอนเนื้อร้องที่ว่า “อยากจะเจอ เห็นเธอทุกๆ วัน เธอกับฉัน ยังไม่ทันจะพูดจา” เมื่อได้ฟัง ฉันจะอินจัด ได้แต่ลุ้นให้การเจอกันในฝันสมหวัง (เป็นเอามากนะแก)
ชั่วนิจนิรันดร
เพลงนี้ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย ครูพยงค์ มุกดา เป็นเพลงที่เมื่อก่อนฉันไม่รู้จักชื่อเพลง แต่เคยได้ฟังตอนเด็กและจำได้แม่นตรงท่อนที่ร้องว่า “มากมายราวกับห้วงมหรรณพ” ตอนยังเป็นเด็ก ก็ได้แต่สงสัยว่าห้วงมหรรณพ มันคืออะไรกันหนอ และเพลงนี้ยังได้ถูกกล่าวถึงในนิยายเรื่อง หนึ่งในหทัย แต่งโดยคุณศศิภา มีอยู่ฉากหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเนื้อร้องของเพลงนี้ ซึ่งฉันคิดว่าเข้ากันได้ดีกับอารมณ์ของเรื่องมาก พูดถึงนิยายเรื่องนี้แล้ว ก็นึกถึงพระเอกของเรื่องอย่าง พันตรีหม่อมเจ้าเจตนิพิฐ ดิลบุตร ขึ้นมาทันที
ฉงน
คุณสวลี ผกาพันธุ์ เป็นคนขับร้องเพลงนี้ โดยผู้ประพันธ์คำร้อง-ทำนอง คือ คุณสุรพล โทณะวณิก เมื่อยังเป็นเด็กน้อย ทุกครั้งที่ได้ฟังเพลงนี้ ก็จะเกิดความฉงน สมกับชื่อเพลง เพราะไม่เข้าใจว่า มันมีด้วยหรือ เจ้า “ปริญญาความรัก” เนี่ย มันเป็นหนึ่งในสาขาเรียนถึงระดับปริญญาเลยหรือไงนะ โฮะๆ ก็บอกแล้วว่า ฉันเป็นเด็กใสๆ
สี่เพลงที่กล่าวถึงนี้ เป็นเพลงเก่าที่แม่เคยเปิดฟังตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก แต่ฉันจำได้มาจนถึงตอนโต เนื่องจากฟังแล้ว รู้สึกประทับใจไปกับเนื้อร้องของเพลง ภาษาที่ใช้มีความสละสลวย ท่วงทำนองที่ฟังแล้วรู้สึกเคลิบเคลิ้ม ฟังแล้วฝันไปไกล (แกจะไปไหน กลับมาเขียนต่อก่อน) เมื่อฟังจบก็ทิ้งความรู้สึกเอื่อย ฟุ้ง เย็น ฝัน ให้ฉันได้แอบยิ้มอยู่ในใจคนเดียว
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment