คริสต์มาสปีนี้ของฉัน ก็ไม่ต่างอะไรกับปีที่ผ่านๆ มา จำได้ว่าวันนี้ในปีที่แล้ว ฉันไปนั่งฉลองคริสต์มาสแบบหนึบๆ ด้วยการกินดังโงะ ไอติมน้ำเต้าหู้ และถั่วแดง เจ้าตัวดังโงะที่ฉันสั่งมานั้น สีสันของมันก็แสนจะเข้ากับเทศกาล เป็นแป้งนุ่มๆ สีขาว เขียว และชมพู เสียบไว้ในไม้คล้ายๆ ไม้ลูกชิ้นปิ้งขนาดจิ๋ว
เป็นการกินขนมในวันคริสต์มาสที่มีอุณหภูมิสามสิบองศาอัพ หิม้ง หิมะ น่ะเรอะ ไม่ต้องไปพูดถึงมันให้ชอกช้ำใจหรอก สิ่งที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงหิมะมากสุด ก็เห็นจะเป็นพวกสำลีก้อนสีขาวๆ ที่ทางห้างสรรพสินค้านำมาตกแต่งเป็นของประดับ เพื่อให้เข้ากับเทศกาล
แต่ถ้าหากอยากจะดูการประดับประดาตกแต่งต้นคริสต์มาส และไฟเฉลิมฉลองที่นำมาติดอย่างสวยงาม ใช่ว่าจะหาดูในกรุงเทพไม่ได้ เพียงแค่ไปถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นที่ตั้งของบรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ฉันก็จะได้เห็นของสวยๆ งามๆ เหล่านั้น เป็นที่เพลิดเพลินสายตาในทุกปี
เมื่อวานนี้ หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อย ฉันจึงเดินออกจากห้างที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ เพื่อมาพบกับไอร้อนผ่าวๆ ภายนอก ยิ่งช่วงนี้ ถนนแถวบ้านฉันกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าด้วยแล้ว เมื่อเดินออกนอกประตูห้างมาเท่านั้นแหละ บรรดาฝุ่นทั้งหลายก็พากันพัดทักทายฉันอย่างเริงร่า จุดนั้นรู้สึกราวกับตัวเองเป็นมนุษย์ชุบฝุ่น (อารมณ์ประมาณกุ้งชุบแป้งทอด) เตรียมตัวโดนแผดเผาให้สุกด้วยแสงแดดยามบ่าย ได้ออกมาเป็นเมนูอาหารชนิดใหม่ “Grilled Human with Dust” อึ๋ยยย!
กว่าจะเดินจากห้างมาถึงปากซอยเข้าบ้าน ฉันก็ลิ้นห้อยแล้ว ร้อนก็ร้อน หิวน้ำก็หิว ความคิดที่จะกลับเข้าบ้านเลยทันทีหลังจากทำธุระเสร็จ ก็เป็นอันปิ๋วไป ยืนเมียงมองแบบสิ้นหวังอยู่ที่ท่ารถสองแถว รถก็ไม่มาซะที เฮ้อ! สุดท้ายก็โบกเรียกวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ให้ไปส่งฉันที่คอมมิวนิตี้มอลล์ใกล้บ้าน
เดินเล่นอยู่ในนั้นสักพัก ฉันก็พ่ายแพ้แก่อากาศร้อนอย่างสิ้นเชิง ต้องเดินเข้าร้านกาแฟนางเงือกสีเขียวที่รักของฉัน เข้าไปยืนเมียงมองเมนูแป๊บนึง แล้วก็สั่ง Raspberry Blackcurrant Frappuccino เมนูประจำ (ถ้าแกจะสั่งแต่แบบเดิมๆ แล้วจะไปยืนมองเมนูทำไมมิทราบ) โดยฉันเลือก venti ซึ่งเป็นขนาดใหญ่สุด ในใจก็คิดไปด้วยว่า ได้มาแล้วจะซดให้หายร้อนซะเลย
ได้ยินคุณน้องพนักงานประจำเคาน์เตอร์คิดเงินถามขึ้นมาว่า “ปั่นมั้ยคะ” ฉันก็พยักหน้าตอบไป คุณน้องรับออเดอร์เข้าเครื่อง จากนั้นก็บอกจำนวนเงินที่ต้องจ่าย 135 บาท ตอนนั้นงงเล็กน้อยว่า เอ๊ะ! ในเมนูมันบอกว่าขนาดใหญ่สุดนี่ 145 มิใช่หรือ แต่ก็มโนเอาเองว่า อืม...สงสัยทางร้านคงจะลดราคาเพราะเป็นช่วงเทศกาลล่ะมั้ง
ควักเงินออกจากกระเป๋าเอามาจ่ายเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็เดินไปหาที่นั่งรอ พอเห็นแก้วใสๆ ที่ใส่เครื่องดื่มสีแดงวางไว้บนเคาน์เตอร์ ฉันก็เดินรี่เข้าหาด้วยความยินดี แต่...อ้าว! ทำไมเค้าไม่ปั่นให้ล่ะ กลายเป็นน้ำผลไม้ใส่น้ำแข็งก้อน ตอนนั้นเลยรู้ว่า 10 บาทที่ลดลงเนี่ย ไม่ใช่เค้าลดราคาให้แกหรอกนะ แต่น่าจะเป็นเพราะน้องพนักงานคิดว่าฉันไม่ได้ต้องการแบบปั่นนั่นเอง (อันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน เกี่ยวกับราคาของเครื่องดื่มที่ฉันได้มา ถ้าฉันเข้าใจผิดพลาดไป ก็ขออภัยด้วย)
เมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันจึงได้แต่หยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเอง เดินออกมาจากร้านแบบผิดคาดเล็กน้อย แต่เมื่อก้มลงดูดน้ำจากหลอดเขียวๆ ความผิดหวังของฉันก็มลายหายไปโดยพลัน เพราะมันเย็น หอมหวาน ชื่นใจมาก เป็น Frappuccino แก้วที่กินแล้วรู้สึกชื่นใจที่สุดในรอบหลายปี อาการอ่อนเพลียจากการโดนฝุ่นควันข้างถนน รวมทั้งอากาศร้อนที่ชวนให้หงุดหงิด ก็บรรเทาเบาบางลงไปได้มาก ถือเป็นคริสต์มาสอีฟคลุกฝุ่นที่ลงท้ายด้วยดี
วันนี้เป็นวันคริสต์มาส แน่นอนว่าอากาศก็ยังคงร้อนเช่นเคย และไม่แน่ว่าวันนี้ ฉันอาจแวะไปดื่มเครื่องดื่มประจำของฉันอีกก็เป็นได้ เพื่อป้องกันการผิดพลาด ฉันจะบอกคุณน้องพนักงานไปเลยว่า “เอาแบบปั่นนะจ๊ะน้อง”
ฉลองคริสต์มาสปีนี้ในแบบเย็นๆ สดชื่น เจือกลิ่นผลไม้บางๆ ให้ฉันได้เดินยิ้มสวยๆ ออกมาจากร้านด้วยความภูมิใจกับ Frappuccino ที่แท้จริง
Merry Christmas!
Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels
Comments
Post a Comment