หนักกว่างานบ้าน คือ...


เมื่อวันพุธที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา ฉันได้ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ 2561 ที่จัดขึ้นเป็นประจำปีละ 2 ครั้ง ซึ่งงานในปีนี้ยังคงจัดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 17-28 ตุลาคม 2561

ในทุกปี ฉันชอบที่จะไปงานหนังสือตั้งแต่วันแรกของงาน เพราะคิดว่าให้มันหนักไปเลยทีเดียวในวันแรกน่าจะดีกว่า ส่วนวันอื่นๆ ก็จะเป็นการไปตามเก็บหนังสือที่ออกไม่ทันช่วงงานวันแรก หรือไม่ก็เป็นการใช้เวลาเดินไปเรื่อยๆ ดูหนังสือตามบูธต่างๆ แบบสบายอารมณ์ (ต่างจากวันแรกที่คล้ายกับตัวเองเป็นฉลามออกล่าเหยื่อซะมากกว่า)

ช่วงแรกที่ตัดสินใจใช้แผนไปเหมาตั้งแต่งานวันแรกนั้น ฉันยังด้อยประสบการณ์ในการแบกหาม ทำให้ไม่ได้เตรียมตัวอย่างเหมาะสมเท่าไหร่ บางคนที่ไม่ได้เดินงานหนังสือเป็นประจำ อาจสงสัยว่าจะไปเดินงานหนังสือ ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายด้วยหรือ อือ...ช่วงแรกฉันก็คิดเช่นนั้นแหละ แต่พอโหมซื้อหนังสือมากมาย บางครั้งมันก็ลืมตัว รู้ตัวอีกทีก็มีบรรดาถุงใส่หนังสือที่กระหน่ำซื้อมาเต็มสองมือ จนแทบจะไม่มีปัญญาขนกลับบ้าน

ก่อนหน้านั้น ฉันเคยเห็นบางคนที่ไปเดินงานหนังสือและแบกกระเป๋าเดินทางไปด้วย ครั้งแรกที่เจอก็รู้สึกรำคาญเล็กๆ เพราะฉันจะต้องคอยระวังไม่ให้ตัวเองไปเดินชนกระเป๋าของเขาเหล่านั้น แต่พอเกิดวิกฤตการณ์แขนขาเปลี้ยจากการขนหนังสือ ฉันจึงเริ่มเกิดความเลื่อมใสกับแนวคิดการแบกกระเป๋าเดินทางเพื่อมาใส่หนังสือที่ซื้อในงานเป็นอย่างมาก

ดังนั้น ช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันจึงต้องนำกระเป๋าเดินทางใบย่อมที่ได้มาจากคอร์สการสัมมนาภาษีไปเป็นเพื่อนในทุกวันแรกของการจัดงานหนังสือ กระเป๋าที่ฉันเลือกใช้เป็นเพื่อนยากในการขนหนังสือกลับบ้านนี้ ดูจะเหมาะสมมาก ทั้งในเรื่องขนาดที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ลายพื้นสีส้มจุดขาว เห็นได้เด่นชัด ตัวกระเป๋ามีที่จับแบบที่สามารถยืดออกมาและเก็บเข้าไปได้ และที่สำคัญคือมีล้อเลื่อนข้างใต้กระเป๋า เพื่อจะได้ลื่นปรื๊ดๆ ผ่อนแรงและสะดวกสบาย

แต่ถึงจะมีกระเป๋าช่วยทุ่นแรงในการแบกก็ตาม ทุกครั้งที่กลับถึงบ้าน นอกจากหนังสือที่ได้มา ของแถม (ที่ไม่ต้องการ) ที่ฉันมักจะได้กลับมาด้วย คือ อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัว เมื่อยไปหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า เพราะตอนอยู่ในงาน ก็ซื้อหนังสืออย่างบ้าคลั่ง เดินเข้าบูธนู้น ออกบูธนี้ แวะบูธนั้น ไหนจะต้องลากกระเป๋าที่ขนหนังสือมาเต็มเพื่อเดินทางกลับบ้านอีก ทำให้เมื่อถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย ร่างกายของฉันก็คล้ายโทรศัพท์มือถือที่แบตหมด เพราะหมดพลังงานไปกับการใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในวันแรกของการจัดงานในปีนี้ หลังจากนับดูแล้ว ฉันได้หนังสือมาทั้งหมด 38 เล่มด้วยกัน ส่วนวันอื่นๆ ก็ได้เพิ่มมาอีก 3 เล่ม รวมกันแล้วปีนี้ฉันจึงซื้อหนังสือเป็นจำนวนทั้งสิ้น 41 เล่ม (จุดนี้เริ่มอยากได้ห้องสมุดส่วนตัวที่บ้านแล้ว)

สำหรับฉันแล้ว การขนหนังสือกลับบ้าน ก็ไม่ต่างไปจากการออกกำลังกาย (น่าจะเป็นการออกกำลังกายแบบผิดๆ และเกินกำลังมากไปหน่อยนะ) ฉะนั้น งานหนังสือนี่แหละที่มีความหนักหนาสาหัสมากกว่างานบ้าน แล้วคุณล่ะ? ปีนี้ได้ไปงานหนังสือหรือไม่และได้หนังสือกลับบ้านมากี่เล่มกันบ้าง ถ้าจะให้ดี อย่าลืมจองเวลานวดผ่อนคลายกับร้านประจำไว้ด้วยนะ นี่คือคำแนะนำจากฉัน ผู้ (เคย) อ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากงานสัปดาห์หนังสือ

Source
ภาพประกอบ: Photo by Pixabay from Pexels

Comments