๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๑


วันนี้เมื่อสองปีที่แล้ว ฉันไม่เคยลืม ไม่มีวันลืมว่าในวันนั้นตัวเองตั้งหน้าตั้งตารอดูรอฟังข่าวในพระราชสำนักอย่างใจจดใจจ่อมากยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต รอด้วยความกระวนกระวายใจ ตราบจนวินาทีที่ได้เห็นภาพทางหน้าจอโทรทัศน์ขึ้นพื้นหลังสีเทาพร้อมข้อความ “ประกาศสำนักพระราชวัง”

ใจสั่นเป็นอย่างไร ฉันได้เรียนรู้ในวันนั้น จนกระทั่งได้ยินคุณวีระศักดิ์ ขอบเขต ผู้ประกาศข่าวในพระราชสำนักทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ทำการประกาศข่าวที่ประชาชนชาวไทยไม่อยากได้ยิน ฉันฟังประกาศไม่ทันจบ แต่น้ำตามากมายก็ไหลมาโดยพลัน

คืนนั้นฉันนอนไม่หลับ เมื่อเวลาเช้ามาถึงก็ออกจากบ้านพร้อมกับน้า เพื่อหาซื้ออาหารไปตักบาตรที่วัดใกล้บ้าน ระหว่างเดินทางออกจากตลาด ฉันเห็นแม่ค้าขายอาหารทะเลที่บ้านเราเป็นลูกค้า นั่งอยู่ประจำแผงของแกตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดแผกไปจากทุกวัน คือ แม่ค้าไม่ได้เอ่ยคำทักทายเหมือนเช่นเคย แกมองมาที่พวกเราพร้อมกับอาการสะอื้น แผงปลาของแกและตลาดในวันนั้นมีความเงียบเหงา เศร้า เสียใจ ปกคลุมอยู่ในทุกอณู

ขณะกำลังตักบาตร ฉันพยายามกลั้นสะอื้นสุดกำลังและขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อให้สิ่งที่ฉันตั้งจิตอธิษฐานไปถึงบุคคลอันเป็นที่เคารพรัก เทิดทูน ของประชาชนชาวไทย ฉันคิดว่าหลวงพ่อท่านคงสังเกตเห็นสภาพตาบวมช้ำของฉัน และคาดว่าในวันนั้นท่านน่าจะได้เห็นผู้คนมากมายที่ล้วนมีสภาพไม่ต่างไปจากที่ฉันเป็น

การที่บุคคลผู้หนึ่งอุทิศแรงกายแรงใจ กำลังสมอง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสามารถทำได้ตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี เพื่อพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าพสกนิกรในประเทศให้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบากใดๆ ทั้งสิ้น บุคคลท่านนั้นย่อมเป็นที่รักและเคารพยิ่ง เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านออกไป มีรากที่หยั่งลึกลงไปในผืนดิน เพื่อให้เหล่าต้นไม้ใบหญ้าได้พึ่งพาอาศัย

ไม้ใหญ่ต้นนั้นฝังรากหยั่งลึกเพื่อโอบอุ้ม จุนเจือ สิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่มากมายเพียงใด ความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ประชาชนชาวไทยมีต่อพระองค์ท่านยิ่งมากมายเหลือคณานับ

แม่ของฉันเคยเล่าสิ่งที่ได้อ่านจากในบทความชิ้นหนึ่งให้ฟังว่า ทำไมเวลาคนไทยเห็นในหลวง รัชกาลที่ ๙ แล้วจึงร้องไห้น้ำตาไหล ในบทความได้บอกเอาไว้ว่า เป็นเพราะเราสัมผัสได้ถึงความดีงามในตัวพระองค์ท่าน เราจึงเกิดความปิติยินดี ฉันเชื่อโดยไม่มีข้อกังขาว่าเป็นจริงดังเช่นที่บทความกล่าวไว้ เพียงแค่เห็นภาพจากโทรทัศน์ เป็นภาพที่พระองค์ท่านแย้มพระสรวลพร้อมโบกพระหัตถ์ทักทายเหล่าประชาชนที่มารอรับเสด็จยามที่รถแล่นผ่านไป น้ำตาของฉันก็ไหลออกมา

ใช่ บทความชิ้นนั้นที่แม่เอามาเล่าให้ฟัง ช่างอธิบายได้ตรงกับใจเหลือเกิน น้ำตาที่ไหล เป็นน้ำตาที่เกิดจากความปลื้มปิติต่อบุคคลที่เราเทิดทูน เคารพรักเป็นอย่างยิ่ง และฉันเชื่อว่าความรู้สึกนี้จะยังคงสลักติดตรึงอยู่ในหัวใจของฉันและปวงชนชาวไทยทุกคนตราบนานเท่านาน

ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์
๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๑

Source
ภาพประกอบ: Photo by David Jakab from Pexels

Comments